ผู้ติดเชื้อในสหรัฐและยุโรป ชะลอตัวลง

ผู้ติดเชื้อในสหรัฐและยุโรป ชะลอตัวลง

สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นกว่า 51 จุด หรือ +4.7% แม้ตลาดส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี ดัชนีภายในประเทศปรับขึ้นโดดเด่นจากกลุ่ม ENERG ซึ่งมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นกว่า 30% หลังมีข่าวว่าสหรัฐ รัสเซีย และซาอุฯ อาจปรับลดกำลังผลิตน้ำมันลง รวมทั้งความคาดหวังเชิงบวกจากการประชุมกลุ่มโอเปค ขณะที่วันศุกร์ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,138.84 จุด (+0.57 จุด) Volume 6.0 หมื่นลบ. ต่างชาติ -2,943.26 ลบ. TFEX Net -2,942 สัญญา ตราสารหนี้ -1,757 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 1,627.46 จุด +7.73% จากความคาดหวังว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ใกล้จะถึงจุดสูงสุด หลังจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐและหลายประเทศในยุโรปชะลอตัวลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

+ก.คลังเสนอแผนกู้เงิน 1.7 ล้านล้านบาทเข้าครม.วันนี้เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19

+ก.คลังอนุมัติให้ขยายเวลาการยื่นแบบชำระภาษีอากรออกไปให้ครอบคลุมผู้ประกอบการทุกกลุ่มเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 2.26 ดอลลาร์ -8% ปิดที่ 26.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรตกลงกันไม่ได้เรื่องการปรับลดการผลิตครั้งใหม่และเลื่อนการประชุมจากเดิม 6 เม.ย.เป็น 9 เม.ย.

-ยอดขายรถใหม่เดือนมี.ค.ในอังกฤษดิ่ง 40% จากผลกระทบโควิด-19

-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นดิ่งต่ำสุดในรอบ 11 ปี จากพิษโควิด-19

-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 16.65 จุด -0.60%

-ส.อ.ท.คาดการณ์ว่าการที่ไทยต้องเผชิญกับฝนแล้งที่ยาวนานและอาจรุนแรงกว่าปี 2558 จะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรของไทยปี 2563 ลดลงจากปีก่อนเฉลี่ย 20-30%

+ดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 1.47 จุด +0.01% เช้านี้เปิดพุ่ง 302.56 จุด ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์

-ทองคำปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อของกองทุน spdr กว่า 12 ตัน

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.22 แสนลบ. ค่าเงินบาท 32.82 บาท/US

*จับตาการประชุมครม.ก.คลังเสนอแผนกู้เงินเยียวยาจากผลกระทบโควิด-19  และก.พาณิชย์ฯแถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการ ส่วนสหรัฐเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.พ.

หุ้นรายงานพิเศษ

หุ้นกลุ่มพลังงาน

  • โอเปคและประเทศพันธมิตรซึ่งนำโดยรัสเซีย เลื่อนการประชุมไปเป็นวันพฤหัสบดีที่ 9 เม.ย. เนื่องจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียยังโยนความผิดกันไปมาว่าฝ่ายใดเป็นต้นเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียยังโยนความผิดกันไปมาว่าฝ่ายใดเป็นต้นเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก
  • ความเห็น ราคาน้ำมันในระดับ 25$/bbl ใกล้เคียงกับต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด 10 ประเทศคือ อิหร่าน ซาอุฯ อิรัก รัสเซีย และอินโดนีเซีย ที่มีต้นทุนในช่วง 9-25 $/bbl ส่งผลให้ Downside ของราคาน้ำมันค่อนข้างต่ำอีกทั้งได้แรงบวกจากจีนซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรองเพิ่มเติมทำให้เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน และหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้ผลบวกเรียงตามลำดับ PTTEP PTT PTTGC TOP SPRC ESSO IRPC และ BCP ตามลำดับ

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก โดยนักลงทุนมีความหวังว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ใกล้จะถึงจุดสูงสุด หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐและยุโรป ชะลอตัวลง ขณะที่ยังติดตามกลุ่มโอเปกพลัส ที่จะมีการประชุมในวันที่ 9 เม.ย.นี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,130-1,200 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Defensive (RATCH TTW ADVANC CHG)
  • หุ้น High Dividend Yield (KKP TISCO INTUCH)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Lockdown (MAKRO BJC CPALL TU TFMAMA)
  • หุ้นได้ประโยชน์จากการ Work from home (ADVANC INTUCH DTAC TRUE JAS JASIF DIF COM7 SIS SYNEX)
  • 5 หุ้นเด่น IAA (ADVANC CPF CPALL INTUCH RATCH)

หุ้นมีข่าว   

(+) กลุ่มแบงก์ได้เฮ แบงก์ชาติลดเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ 0.46% จะลงเหลือ 0.23% ในระยะเวลา 2 ปี โบรกฯ มองช่วยลดต้นทุนแบงก์ปีละ 5 หมื่นล้าน รวม 2 ปี 1 แสนล้าน ดัน NIM พุ่ง ส่งผลงบแบงก์ปีนี้ดีขึ้น แบงก์ใหญ่รับเละ BBL ต้นทุนลดมากสุด 5.5 พันล้าน ส่งผลต่อกำไรเพิ่ม 14% (ที่มา ข่าวหุ้น)

 (+) คลังชงแผนกู้เงิน 1.7 ล้านล้านบาท เข้าครม.วันนี้ เยียวยาครอบคลุมทั่วประเทศ จากผลกระทบโควิด-19 โบรกฯมองส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้น และเศรษฐกิจไทย เม็ดเงินเยียวยามากเพียงพอชดเชยความเสียหายของภาคธุรกิจ ที่หายไป 8-9 แสนล้าน แนะลงทุนกลุ่มรับประโยชน์จากมาตรการนี้ ได้แก่ ค้าปลีก CPALL กลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยว บริษัท CENTEL และ กลุ่มสายการบิน AAV (ที่มาข่าวหุ้น)

(+/-) FORTH (Bloomberg Consensus - บาท) คงเป้ารายได้ปีนี้โต 15% ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ฯ คาดได้งานภาครัฐมากขึ้น ตุนแบ็กล็อกทะลุ 1,000 ล้านบาท เล็งประมูลงานใหม่ครึ่งปีหลัง 6,000-7,000 ล้านบาท หวังได้งาน 30% ชี้รับผลกระทบโควิด-19 น้อย (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) QTC (Bloomberg Consensus - บาท) ส่งซิกผลงานไตรมาส 1/63 โต โชว์แบ็กล็อก 420 ล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานใหม่ มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท คาดได้งานไม่ต่ำกว่า 10% ล่าสุดแจ้งเลื่อนจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ จนกว่าสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.15 บาท/หุ้น จ่อขึ้น XD วันที่ 14 เม.ย.  (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) RJH (Bloomberg Consensus 30.21 บาท) มองผลงานไตรมาส 1/2563 ยังทรงตัวดี อัตราการใช้พื้นที่เตียง 2 เดือนแรกปีนี้พุ่ง 80% พร้อมตั้งรับสู้โควิด-19 เชื่อระยะสั้นความจำเป็นรักษาโรคยังมีสูงกว่า คุมเข้มต้นทุนค่าใช้จ่ายป้องกันความเสี่ยงวิกฤติที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คงเป้ารายได้รวมปี 2563 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% จากปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NER (Bloomberg Consensus 3.26 บาท) ยิ้มรับราคายางตลาดโลกฟื้น หวังราคาในประเทศฟื้นตาม แย้มผลงานโค้งแรกเติบโตดี ระบุยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ออเดอร์ครึ่งปีแรกยังดี ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนพร้อมลงทุน เตรียมเงินลงทุนกว่า 4 พันล้านบาท รองรับพัฒนาโครงการตามแผน 40 เมกะวัตต์ ภายใน 2 ปี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PRM (Bloomberg Consensus 7.45 บาท) อานิสงส์กักเก็บน้ำมันพุ่งดันดีมานด์เรือ FSU เติบโต รุกขนสินค้าเต็ม 100% พร้อมซื้อเรือเพิ่มอีก 8 ลำ งบลงทุนราว 2-3 พันล้านบาท เติมกองเรือเพิ่ม แย้มความพร้อมขนส่ง LNG ยืนยันคงเป้ารายได้ปีนี้โต 10-12% ฟากโบรกมองกำไรทั้งปีโต 16% ความต้องการเรือ FSU สูง อัตราค่าระวางเรือเพิ่ม ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ เคาะเป้า 7.50 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JMART (Bloomberg Consensus 12.31 บาท) ย้ำชัดโควิด-19 กระทบธุรกิจน้อย ระบุรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจบริหารหนี้ พร้อมปรับแผนป้องกันความเสี่ยงโยกพนักงานทำงานที่บ้าน พ่วงหันรุกขายมือถือผ่านออนไลน์ สร้างรายได้เพิ่ม ทางด้านบิ๊ก "อดิศักดิ์" ปักเป้าปี 2563 ผลงานโตต่อเนื่องจากปี 2562 (ที่มา ทันหุ้น)