Work outside the Homeทำได้?

Work outside the Homeทำได้?

แชร์แนวปฎิบัติของคนเหล่าทำงานนอกบ้าน "Work outside the Home" ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เน้นตามมาตรการของรัฐบาล ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย เสร็จงานมุ่งตรงกลับบ้าน เว้นระยะห่างจากบุคคล เลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะที่เหมาะสม

ทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home อีกหนึ่งมาตรการของภาครัฐ ในการให้พนักงานลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ต้องไปทำงานที่ออฟฟิค แต่แนวทางปฏิบัติดังกล่าวต้องยอมรับว่ามีบางออฟฟิค บางสายงานต้องออกไปทำงานนอกบ้าน  สถานการณ์ขณะนี้ หากใครสามารถทำงานที่บ้านได้ก็อยากให้ทำ ลดการออกมาข้างนอกให้มากที่สุด 

หากใครต้องทำงานนอกบ้าน ต้องดูแลตนเองสวมใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดทุกครั้งเมื่อหยิบจับอะไร และเมื่อทำงานเสร็จก็ตรงกลับเข้าบ้านทันที ซึ่งการอยู่บ้าน รักษาระยะห่าง เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โรคติดต่อยากขึ้น แล้วก็พยายามดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะได้มีภูมิช่วยสู้เชื้อโควิด-19

158591019481

ปัณณทัต กิตติพงศ์ยิ่งยง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ บริษัท เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์ จำกัด (JC&CO) หนึ่งในพนักงานที่ต้องเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิค โดยเดินทางด้วยแกรบไบท์ ไปกลับ ประมาณ 100 บาท และ มีความเสี่ยงเพียงคนเดียว คือคนขับ มากกว่าการใช้การเดินทางในรูปแบบอื่นๆ

โดยปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล ถึงจะไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ ซึ่งเมื่อออกจากบ้านก็มีการสวมหน้ากากอนามัย พกและใช้เจลแอลกอฮอล์ สเปรย์ล้างมือตลอดเวลา หรือก่อน หลังสัมผัสสิ่งของทุกชนิด และใช้สเปรย์พ่นทุกอย่างก่อนจับ ที่สำคัญห้ามเอามือจับหน้า

นอกจากนั้นการใช้บริการแกร็บไบค์ จะเป็นการจ่ายเงินผ่านการตัดบัตร ลดการพูดคุยกัน ทำให้ไม่มีความเสี่ยงใดๆ ขณะที่ทางบริษัทเอง มีการแจกเจลแอลกอฮอล์ และทำประกันชีวิตให้พนักงานทุกคน

“การออกไปทำงานนอกบ้านอาจมีความเสี่ยง แต่หากจำเป็นจริงๆก็ต้องปฏิบัติดูแลตัวเองอย่างดี เพราะโควิด-19 ไม่ใช่โรคน่ากลัว ถ้ารักษาสุขอนามัย สวมใส่หน้ากาก ไม่สัมผัสสิ่งของที่ไม่จำเป็น ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และเลือกรับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ สร้างสรรค์ ไม่ก่อความตระหนกให้สังคม”ปัณณทัต กล่าว

158591019634

เช่นเดียวกับ นักข่าวของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง กล่าวว่าลักษณะงานจำเป็นต้องออกไปทำงานนอกบ้านทุกวัน โดยการเดินทางมีทั้งนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และรถเมล์ ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะมือไม่ได้จับส่วนใด และคนขับมอเตอร์ไซต์เองก็ใส่หน้ากากอนามัย/ผ้าตลอดเช่นกัน ส่วนเวลาจ่ายเงิน จะจ่ายเงินให้ตรงกับค่ารถ เพื่อจะไม่ต้องมีเงินทอน จะจ่ายโดยมือไม่สัมผัสถูกกันและกัน เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยก็จะล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์

ส่วนรถเมล์ สวมใส่หน้ากากอนามัย แต่มีบางครั้งอาจไม่ได้ล้างมือทันทีที่ขึ้นลงรถ แต่เมื่อถึงที่ทำงานหรือที่บ้านก็จะล้างมือก่อนทำอย่างอื่น ส่วนพนักงานสวมใส่หน้ากาก บนรถเมล์จะมีแอลกอฮอล์เจลให้บริการ และมีมาตรการรักษาระยะห่าง โดยจะกั้นเทปที่นั่ง ให้ไม่นั่งติดกัน เช่น เบาะคู่ก็ให้นั่งคนเดียว เพื่อช่วยรักษาระยะห่างให้คนที่ยังจำเป็นต้องออกมานอกบ้าน

 “สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเวลาออกมาข้างนอกทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยง และล้างมือบ่อยขึ้น โดยล้างมือเมื่อมาถึงที่ทำงาน ล้างมือก่อนรับประทาน ล้างมือหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง เมื่อกลับถึงบ้านก็จะถอดรองเท้าถุงเท้า แล้วล้างมือให้เรียบร้อยก่อนทำอย่างอื่น และระหว่างอยู่ข้างนอกก็จะลดการใกล้ชิดกับผู้อื่น พยายามมีระยะห่างเกินกว่า 1-2 เมตรตามคำแนะนำกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจริงๆ ก็ยังเป็นใช้ชีวิตตามปกติ เพียงแต่ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น และมีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพื่อดูแลตัวเองไม่ให้เกิดความเสี่ยงทั้งตัวเองและคนอื่นนักข่าวของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง กล่าว

เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานแห่งหนึ่ง กล่าวว่าสำนักงานได้มีมาตรการลดคนทำงาน 25% และให้เจ้าหน้าที่ พนักงานสลับกันทำงานที่บ้าน และทำงานที่สำนักงาน โดยมีการกำหนดการปฏิบัติงาน คือ 1 คน ที่ต้องทำงานที่บ้าน วันคู่ติดกัน เช่น จ-อ / พ-พฤ / หรือ พฤ-ศ. ของคนทำงานในแต่ละกลุ่มงาน ซึ่งคนที่ work form home ต้องรายงายตัวทางไลน์ต่อผอ.กลุ่ม/ สำนัก แจ้งเรื่องงานที่ปฏิบัติหรือได้รับมอบหมายทำที่บ้านด้วย ส่วนที่ทำงานจะมีเจลล้างมือตามจุดต่างๆ ก่อนเข้าสำนักงาน มีการตรวจวัดไข้ทุกคน จัดทางเข้าออกเพียงทางเดียว มีอุโมงค์ประตูฆ่าเชื้อ และมีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในสำนักงานในวันเสาร์

158591019532

การดูแลตัวเองจะเน้นติดตามสถานการณ์ข่าวสาร ล้างมือบ่อยๆ ตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน เมื่อขึ้น-ลงรถสาธารณะ และถึงที่ทำงานต้องล้างอีกครั้ง สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือผ้าตลอดเวลา เวลากินข้าวใช้ภาชนะของตัวเองและทำอาหารมากินเอง รักษาระยะห่างกับบุคคลต่างๆ เช็ดทำความสะอาดโทรศัพท์ เพราะต้องหยิบจับเป็นประจำ

สำหรับการเดินทางนั้นตอนแรกใช้รถสาธารณะ ซึ่งทุกคนตระหนึกถึงการป้องกันตนเอง จะสวมใส่หน้ากาก พกเจลแอลกอฮอล์ และตั้งแต่ ประกาศ พร.ก.ฉุกเฉิน รถเมล์ได้จำกัดคนขึ้นรถ ซึ่งต้องมีระยะห่างของผู้โดยสาร มีการบล็อกที่นั่ง โดยติดสติ๊กเกอร์ และทำกากกะบาทโดยแลคซีน กั้นไม่ให้คนนั่งชิดติดกัน สำหรับจุดยืน ก็มาร์กจุด เว้นระยะ หากคนเต็มจำนวนแล้ว รถจะไม่จอดรับผู้โดยสารอีก พนักงานเก็บค่าโดยสารสวมถุงมือยางด้วย