อ่อนตัวตามเพื่อนบ้าน
ดัชนีวานนี้ปิดร่วงกว่า 20 จุด โดยดัชนีพลิกเป็นลบในภาคบ่าย หลังมีข่าวว่า กทม.สั่งให้ทุกร้านค้า-รถเข็นข้างทางปิด 24.00 น.ถึง 05.00 น.
ซึ่งกดดันต่อกลุ่มค้าปลีก รวมทั้งความกังวลต่อผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,105.51 จุด (-20.35 จุด) Volume 6.7 หมื่นลบ. ต่างชาติ -2,998.35 ลบ. TFEX Net +13,949 สัญญา ตราสารหนี้ -2,978 ลบ.
ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ
+ราคาทองคำปรับตัวลงสวนทางกับ Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้น แม้ว่าสหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอทั้งภาคการผลิตและภาคแรงาน
-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 973.65 จุด -4.44% หลังจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์เตือนการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า
-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 17 เซนต์ -0.8% สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกัน 10 สัปดาห์
-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปรับตัวลง 15.78 จุด -0.57% เช้านี้เปิดลบ 14.29 จุด
-วานนี้ดัชนีนิกเกอิปิดดิ่งลง 851.60 จุด -4.50% เช้านี้เปิดลบ 130.99 จุด
-ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐในเดือนมี.ค.หดตัวลงสู่ 48.5 บ่งชี้ภาวะหดตัว
-WHO เตือนยอดติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 1 ล้านราย ตายกว่า 50,000 รายในอีกไม่กี่วัน ในประเทศไทยวานนี้เพิ่มขึ้น 120 ราย
-การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐหดตัวครั้งแรกรอบ 10 ปีลดลง 27,000 ตำแหน่งแต่ต่ำกว่าที่คาดว่าจะลดลง 125,000 ตำแหน่ง
-ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจมี.ค.ลดลงต่อเนื่องจากภาคที่มิใช่การผลิตนำโดยกลุ่มขนส่ง
-หลายจังหวัดรวมทั้งกทม.ยกระดับปิดเมืองสั่งร้านสะดวกซื้อปิดช่วงดึก
-ธนาคารโลกปรับลดประมาณการ GDP ของประเทศไทยปีนี้คาด -3%
-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.18 แสนลบ. ค่าเงินบาท 33.09 บาท/US
*จับตาธนาคารโลกเปิดเผยรายละเอียดรายงานเศรษฐกิจสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกซึ่งรวมถึงการปรับลด GDP ไทย สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดุลการค้าเดือนก.พ. ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนมี.ค. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อตามทิศทางตลาดโลก จากความวิตกกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและยูโรโซนบ่งชี้ถึงการหดตัว คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,060-1,100 จุด
หุ้นรายงานพิเศษ
JUBILE (ปรับลดประมาณการกำไรปี 63 และ 64 พร้อมปรับลดราคาเหมาะสมเหลือ 14.5 บาท)
- ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 63 และ 64 ลงจาก 280 ล้านบาท และ 294 ล้านบาทเหลือ 177 ล้านบาท และ 259 ล้านบาทลดลง 37% และ 21% ตามลำดับ โดยเราปรับลดประมาณการรายได้ปี 63 และ 64 ลงจาก 1.9 พันล้านบาทและ 2.1 พันล้านบาทสู่ 1.3 พันล้านบาทและ 1.8 พันล้านบาทตามลำดับ จากผลกระทบของ COVID-19
- สมมติฐานในการปรับลดรายได้ เราคาดว่าจะมีการปิดเมืองราว 3 เดือนจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยร้านค้าของบริษัทอยู่ในห้างสรรพสินค้าซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการสั่งปิดเมืองของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่รายได้ลดลงจากการลดวันทำงานส่งผลให้กำลังซื้อลดลงตามไปด้วย
- ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดราคาเหมาะสมลงจาก 22.5 บาทต่อหุ้นเหลือ 14.5 บาทต่อหุ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับลดประมาณการปี 63 และ 64
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้น Defensive (RATCH TTW ADVANC CHG)
- หุ้น High Dividend Yield (KKP TISCO INTUCH)
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Lockdown (MAKRO BJC CPALL TU TFMAMA)
- หุ้นได้ประโยชน์จากการ Work from home (ADVANC INTUCH DTAC TRUE JAS JASIF DIF COM7 SIS SYNEX)
หุ้นมีข่าว
(+/-) MTC (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 55.03 บาท) ชี้แจงข่าวที่ถูกกล่าวหาว่าเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดต่อและดีเอสไอเข้ามาสอบถามข้อมูลเรื่องการคิดดอกเบี้ยว่าทำไมบริษัทถึงคิดดอกเบี้ยรถจักรยานยนต์ร้อยละ 20 ว่าบริษัทอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่องของสินเชื่อสามารถคิดดอกเบี้ยได้ถึงร้อยละ 28 ต่อปี การยึดทรัพย์และนำไปขายทอดตลาดดำเนินการตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมายทุกประการเมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ (ที่มา SET NEWS)
(+/-) PSTC (ปรับลดราคาเหมาะสมจาก 0.88 เหลือ 0.44) รับเงินเต็มขายไฟฟ้ารวม 12 โครงการ กำลังการผลิต 34.6 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ไตรมาส 2/63 เป็นต้นไป เดินเกมดัน PrivatePPA ตามเป้า 20 เมกะวัตต์ แย้มมีในมือแล้ว 5 เมกะวัตต์ พร้อมเล็งทบทวนเป้ารายได้ปี 63 หลังได้รับผลกระทบโควิด-19 (ที่มาทันหุ้น)
ความเห็น ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 63-64 ลง 38% และ 16% จากเดิมเพื่อสะท้อนผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวแรง เราปรับลดประมาณการกำไรปี 63 จาก 159 ล้านบาทสู่ 98 ล้านบาทจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 (สมมติฐานปิดเมือง 3 เดือนตั้งแต่ มี.ค.63-พ.ค.63) และปรับลดคาดการณ์กำไรปี 64 ลงจาก 166 ล้านบาทสู่ 140 ล้านบาท
(-) IP (อยู่ระหว่างปรับประมาณการเชิงลบ) แจ่ม! ส่งซิกงบไตรมาส 1/63 โตแรง รับผลบวกโควิด-19 หนุนยอดขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ-เวชภัณฑ์และยา เพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้รวมปีนี้ตามนัดโต 30% จ่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 20 รายการ หวังกระตุ้นยอดขายตลอดปี (ที่มาข่าวหุ้น)
ความเห็น ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศทำให้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในยุโรปและเอเชียส่งผลให้ระบบการขนส่งหยุดชะงักนอกจากนี้การเติบโตของบริษัทเน้นการขายผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ซึ่งได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดเมืองของ กทม. ทำใหรายได้มีโอกาสลดลงจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้
(+) PTTEP (Bloomberg Consensus 87.13 บาท) จ่อเข้าพื้นที่แท่นปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ หลัง “สนธิรัตน์” ส่งสัญญาณ “เชฟรอน” ทำแผนรื้อถอนแท่นมายังกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ก่อนส่งมอบรายใหม่ผลิตต่อเนื่องทันที (ที่มาข่าวหุ้น)
(+/-) THAI (Bloomberg Consensus 4.86 บาท) ที่ปรึกษาทางการเงินชงแผนเพิ่มทุน THAI กว่า 8 หมื่นล้าน แก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ คลังดึงกองทุนรวมวายุภักษ์ ธนาคารออมสินใส่เงิน เสริมสภาพคล่องและรักษาทุนไม่ให้ติดลบ ผู้บริหารมั่นใจ 3 เดือนฟื้นหลังโควิดคลี่คลาย ด้าน “สมคิด-อุตตม” ประสานเสียงหนุน โบรกฯเชื่อภาครัฐอุ้ม THAI ผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปได้ ปีนี้ขาดทุนหนักสุด 2.8 หมื่นล้าน (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) TNR (Bloomberg Consensus - บาท) เตรียมพร้อมด้านวัตถุดิบ เพื่อรองรับการผลิตถุงยางอนามัยเต็มกำลังผลิต หลังซัพพลายตลาดโลกลดจากบางประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์ เหตุโควิด-19 ระบาด ด้าน “ซีอีโอ” เผยมีออเดอร์สินค้าจนถึงมิ.ย.นี้ บางรายมีความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 20% พร้อมคุมเข้มมาตรการความปลอดภัย (ที่มา ข่าวหุ้น)
(-) "พล.อ.ประยุทธ์" เตรียมยกระดับคุมโรคระบาดโควิด-19 ประกาศหยุดให้บริการสาธารณะ BTS-BEM ด้านโบรกระบุแม้ระยะสั้นรับผลกระทบแต่ปัจจัยพื้นฐานของทั้ง 2 บริษัทไม่เปลี่ยน ขณะที่ราคาสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว (ที่มา ทันหุ้น)