ดาวโจนส์ทรุด 1,400 จุด หลัง 'WHO' ยกระดับ 'โควิด-19' ระบาดใหญ่

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ (11 มี.ค.) ทรุดตัวลงอย่างหนัก 1,400 จุด หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศยกระดับให้โรคโควิด-19 เป็น การระบาดใหญ่ระดับโลก
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับตัวร่วงลง 1,464.94 จุด หรือ 5.86% ปิดที่ 23,553.22 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 140.85 จุด หรือ 4.89% ปิดที่ 2,741.38 จุดและดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 392.20 จุด หรือ 4.7% ปิดที่ 7,952.05 จุด
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (ดับบลิวเอชโอ) ประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 จากโรคระบาด (Epidemic) เป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก (pandemic) อย่างเป็นทางการ
ตามความหมายของ ดับบลิวเอชโอ คำว่า pandemic คือ เชื้อโรคใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลกที่ทำให้อัตราการป่วยและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ล่าสุด โรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาดลุกลามไปแล้วใน 118 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อไวรัสมากกว่า 121,000 คน อีกทั้งยังคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 4,300 คน
การประกาศภาวะโรคระบาดโลก มีหลักการเบื้องต้นอยู่ 3 ประการ คือ 1. โรคสามารถก่อให้เกิดอาการป่วยจนถึงเสียชีวิต 2. มีการติดต่อระหว่างคนสู่คน 3. การแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลก
ช่วงสิ้นเดือน ก.พ. ดับบลิวเอชโอ ยกระดับการเตือนภัยความเสี่ยงการระบาดไปทั่วโลกของโรคโควิด-19 อยู่ระดับ “สูงมาก” ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ต่อมาวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ ดับบลิวเอชโอ ระบุว่า โรคดังกล่าวได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศ ทำให้ความเสี่ยงในการแพร่ระบาดไปทั่วโลก มีความเป็นจริงมากขึ้น
ขณะที่นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการฉุกเฉินของดับบลิวเอชโอ กล่าวว่า เมื่อโรคมีการระบาดไปยัง 100 ประเทศ และมีผู้ติดเชื้อ 100,000 ราย ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องกลับมาทบทวนการตัดสินใจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียง 2 สัปดาห์ โรคโควิด-19 มีการแพร่ระบาดเพียง 30 ประเทศ




