AAV ปี 62 พลิกขาดทุน 474 ล้านบาท พร้อมหั่นเป้าผู้โดยสารปีนี้เหลือ 20.5 ล้านคน

AAV ปี 62 พลิกขาดทุน 474 ล้านบาท พร้อมหั่นเป้าผู้โดยสารปีนี้เหลือ 20.5 ล้านคน

AAV ปี 62 พลิกขาดทุน 474 ล้านบาท จากปีก่อนกำไร 69.96 ล้านบาท แม้มีรายได้เพิ่ม เหตุ มีผลขาดทุนก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีเงินพร้อมลดเป้าผู้โดยสารปี 63 เหลือ 20.5 ล้านคนให้สอดคล้องกับสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV แจ้งผลการดำเนินงานงวดปี2562 ว่า บริษัทมีผลขาดทุน 474 ล้านบา จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69.96 ล้านบาท แม้มีรายได้รวม 41,553.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปี2561 แต่มีผลขาดทุนก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีเงินได้จำนวน 100 ล้านบาท พลิกจากกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีเงินได้จำนวน 660.1 ล้านบาทในปีก่อน

สำหรับปี 2563 บจ. ไทยแอร์เอเชีย ปรับลดเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารมาอยู่ที่ 20.5 ล้านคน จากปีก่อนอยู่ที่ 22.15 ล้านคน เพื่อให้สอดคล้องสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้อัตราขนส่งผู้โดยสารปรับลงเล็กน้อยที่ 84%
 

อย่างไรก็ตาม บจ.ไทยแอร์ เอเชีย มีความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดความถี่หรือยกเลิกเที่ยวบินต่างๆ และการจัดเส้นทางบินใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทาง รวมถึงการต่อยอดการบริหารต้นทุน ในส่วนของการปฏิบัติงาน บริษัทติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยึดมั่นในมาตรฐานด้านความปลอดภัยเเละสาธารณสุขอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางของผู้โดยสาร

ทั้งนี้บจ. ไทยแอร์เอเชีย มุ่งเน้นการจัดสรรตารางการบินและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ เครื่องบิน หากสถานการณ์ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ บริษัทจะไม่หยุดยั้งในการจับตลาดใหม่ๆที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอเชียใต้และตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งยังเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางยอดนิยมเพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาดให้แข็งแกร่งขึ้น


นอกจากนี้การนำเครื่องบินรุ่นใหม่ A321นีโอซึ่งมีจำนวนที่นั่งที่เพิ่มมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิงมากขึ้นมาทดแทนเครื่องบินเดิมที่ปลดประจำการประกอบกับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยานจะช่วยให้ต้นทุนต่อหน่วยของบริษัทมีแนวโน้มลดลง

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมขายอากาศยานและเช่าอากาศยานกลับ (Aircraft Sale andLeaseback) จำนวน 9 ลำ และขายอากาศยานจำนวน 1ลำ โดย ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 รายการดังกล่าวได้ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 4 ลำจาก10ลำ ซึ่งประกอบด้วย การขายอากาศยานและเช่ากลับจำนวน 3 ลำและการขายอากาศยานจำนวน 1 ลำคงเหลือรายการที่จะขายและเช่ากลับจำนวน 6 ลำซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2563