'นายกฯ' แจงยิบตั้งแต่ยังไม่เริ่มซักฟอก ขอสภาฯ ปรองดองไม่แบ่งฝ่าย

'นายกฯ' แจงยิบตั้งแต่ยังไม่เริ่มซักฟอก ขอสภาฯ ปรองดองไม่แบ่งฝ่าย

"ประยุทธ์" แจงยิบตั้งแต่ยังไม่เริ่มเวทีซักฟอกวันที่ 2 ไม่สนคำเรียกของพลเรือนที่ให้เกียรติ ย้ำให้รองนายกฯ แจง เพื่อทำความเข้าใจประชาชน ขอสภาฯ ปรองดองไม่แบ่งฝ่าย วันแรก ครม. ใช้เวลาแจงรวมเกือบ 3 ชม. ฝ่ายค้าน เกือบ 10 ชม.

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 63 การประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. ทั้งนี้ การพิจารณายังไม่สามารถต่อเนื่องได้ เนื่องจาก ส.ส.มีข้อหารือต่อที่ประชุมต่อเงื่อนไขการอภิปราย ที่พรรคฝ่ายค้านต้องการให้ ส.ส.รัฐบาลลดการประท้วงเพื่อให้การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านอภิปรายได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่เดียวกันเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ชี้แจงและตอบคำถามของพรรคฝ่ายค้านด้วยตนเอง โดยไม่มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี หรือบุคคลอื่นชี้แจงแทน

ขณะที่เวลาการอภิปรายที่ใช้ไปแล้วนั้น นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ฐานะประธานที่ประชุม แจ้งว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้เวลารวม 2 ชั่วโมง 45 นาที, พรรคฝ่ายค้าน ใช้เวลารวม 9 ชั่วโมง 47 นาที และ เวลาประท้วงรวมถึงการทำหน้าที่ประธานที่ประชุม รวม 1 ชั่วโมง 27 นาที

อย่างไรก็ตาม หลังการหารือของ ส.ส.แล้วเสร็จ โดยยังไม่เริ่มต้นการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลุกชี้แจง ทันที โดยระบุว่ากรณีที่ตนให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจงในรายละเอียด ทั้งนี้ ตนฐานะหัวหน้ารัฐบาลไม่ใช่มีอำนาจสั่งการได้เพียงผู้เดียว ต้องกำหนดแนวทางทำงาน อย่างไรก็ตาม ที่มองว่านายกรัฐมนตรี​ต้องทำงานคนเดียว ตนไม่ได้เป็นแบบนั้น ซึ่งตั้งแต่เป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคณะทำงาน ดังนั้นการให้รองนายกรัฐมนตรี​ที่เกี่ยวข้องชี้แจง คือ การลงรายละเอียด ซึ่งตนต้องการให้ประชาชนรับฟังข้อเท็จจริงและตอบคำถามจากการอภิปราย

"ผมอยากให้ปรองดอง ไม่อยากแบ่งฝ่าย ไม่อยากให้บอกว่าผิดหรือถูกโดยไม่มีหลักการและเหตุผล ส่วนเรื่องกรณีให้เกียรติพลเรือนด้วยกันนั้น ตนไม่ห่วง คนที่เป็นทหาร ตำรวจ ที่ร่วมพิธีถวายสัตย์รู้ดี เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีของการก่อสร้างหอชมเมืองนั้นเป็นโครงการของเอกชนเพื่อเป็นภูมิสถานอยู่คู่กับแผ่นดินบนที่ดินราชพัสดุ ไม่ใช่โครงการของรัฐและไม่มีการใช้งบประมาณของรัฐและเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะยกให้กับกรมธนารักษ์ประมาณ 4423 ล้านบาท ส่วนข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับ กสทช. ที่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนนั้นได้มีหนังสือขอผ่อนผันการชำระเงินทั้งสามวาระ ทำให้ต้องมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน แต่เป็นการให้ความเป็นธรรมและต้องมีการเยียวยา