เอาคนที่เขาไล่ มาเข้าพรรค อาจเจอ 'ไวรัสการเมือง'

เอาคนที่เขาไล่ มาเข้าพรรค อาจเจอ 'ไวรัสการเมือง'

สิ่งสำคัญที่พรรคการเมืองพึงระลึกถึงในการรับสมาชิกใหม่ที่ระหกระเหิน ทั้งจากการถูกยุบพรรคการเมือง หรือการถูกอัปเปหิจากพรรคการเมืองทั้งหลาย เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ความระมัดระวัง

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคการเมือง ถ้าจะบอกว่าการเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง ไม่ใช่ใครนึกอยากจะเป็น นึกอยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ หน้าที่ประการหนึ่งคือการสอดส่องดูแลการกระทำของสมาชิกพรรค รวมไปถึงธำรงไว้ซึ่งมาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรม ตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้

จึงไม่ต้องประหลาดใจที่หากกรรมการเมื่อเห็นสิ่งใดผิดปกติ หรือไม่เป็นไปตามแนวทางอุดมการณ์ที่ควรจะเป็น ย่อมสามารถมีมติขับบุคคลใดที่เป็นสมาชิกให้พ้นไปจำกพรรคการเมืองนั้นได้ โดยที่หากบุคคลนั้นดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาด้วย จะมีผลทำให้สมาชิกภาพนั้นขาดไป หากไม่สามารถหาพรรคใหม่สังกัดได้ทันกำหนดระยะเวลา 30 วัน

เรื่องนี้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้เกิดความระมัดระวังของทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ขับเขาและฝ่ายที่ถูกเขาขับออกมา เพราะในเมื่ออุดมการณ์แนวทางความคิดความอ่านไปด้วยกันไม่ได้แล้วจะ อยู่ร่วมไม้ชายคาเดียวกันคงเป็นเรื่องยาก และไม่ก่อเกิดประโยชน์ อะไรนอกจากสร้างความขัดแย้ง

คนเป็นกรรมการบริหารพรรคถ้าไม่ทำอะไร เมื่อรู้ว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากล พรรคอาจถูกยุบตัว เขาจะโดนร่างแหได้รับโทษหนักถึงขั้นตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งความประสงค์จริงๆ ของการตัดสิทธิทางการเมือง ในกรณีอุกฉกรรจ์หรือกระทำความผิดร้ายแรงนั้นจะไม่มีกำหนดระยะเวลา พูดง่ายๆ คือเป็นการตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตของบุคคลคนนั้น

แต่เมื่อมีกรณีศึกษาในส่วนของ "พรรคไทยรักษาชาติ" ในอดีต ที่คำวินิจฉัยได้กำหนดกรอบเวลาไว้ บางคนอาจคิดว่าถ้ามีการยุบพรรคใดอีก ต้องเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน แต่หลายคนมองต่างกันว่า เนื้อหาหรือพฤติการณ์แห่งคดีเป็นคนละเรื่องอาจไม่เหมือนกันได้ไม่ใช่เรื่องแปลก

ณ วินาทีนี้ จึงยังไม่มีใครบอกได้ชัดว่าในที่สุดแล้ว กรณีการยุบพรรคการเมืองที่อาจมีขึ้นต่อจากนี้ไป กรรมการบริหารพรรคการเมืองต่างๆ จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองในลักษณะใดเป็นระยะเวลาเท่าใด

ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่พึงระลึกถึง คือ กระบวนการรับสมาชิกใหม่ที่ระหกระเหิน ทั้งจากการถูกยุบพรรคการเมืองหรือการถูกอัปเปหิจาก พรรคการเมืองทั้งหลาย เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่พรรคการเมืองทุกพรรคจะต้องใช้ความระมัดระวัง ในการคัดกรองพิจารณาเลือกบุคคลเข้าสังกัดในพรรคของตน ไม่ว่าจะพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่โต ขนาดใดก็ตาม

เพราะถ้าไม่ใส่ใจรับเอาสิ่งที่อาจเรียกได้ว่า "เป็นของมีตำหนิที่สังคมกังขาหรือตั้งคำถามเข้ามาเป็นพวก อาจมีเรื่องเดือดร้อนได้" แต่บางพรรคการเมืองอาจไม่คิดมาก ขอให้ได้เสียงสนับสนุนเพิ่มเพื่ออำนาจในการต่อรองเป็นใช้ได้ ย่อมไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้องนัก เพราะการเชื่อมโยงไปถึงเรื่องน่ากังวลในภายหลังอาจเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการมองเห็นตรงกันว่า นอกเหนือจากอุดมการณ์ที่อาจไม่ตรงกันแล้ว

ในหลายๆ พรรค มีข่าวลือ ข่าวลวง หรืออาจจะข่าวปลอมเกี่ยวกับ การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อจุดมุ่งหมายบางอย่างของนักการเมืองในสังกัดพรรคนั้นๆ เมื่อวันที่เรื่องยังไม่ถูกเปิดโปง คนส่วนใหญ่อาจพูดกัน ถึงเฉพาะเหตุผลความจำเป็น แต่อาจลืมนึกถึงภัยที่ไม่คาดคิด

ถ้าได้พิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนจะพบว่า "สีเทาๆ ทั้งหลาย ที่อาจต้องกลายสภาพเหมือนสัมภเวสีในวันข้างหน้า" จะกลายเป็นปัญหาที่ทำให้พรรคการเมืองที่ขาดการคัดกรองที่ดี อาจถูกเชื่อมโยงกับการทำผิดกฎหมาย หากมีหลักฐานหรือมีมือดีค้นพบความจริงที่เขาเชื่อมโยงได้ว่า การรับใครต่อใครเข้ามาเป็นสมาชิกนั้น ทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นั่นคือหากจับได้ไล่ทัน ว่าทำกันบนพื้นฐานการยื่นหมูยื่นแมว แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในทางมิชอบ พรรคที่รับคนที่โดนยุบหรือ โดนเขาไล่ส่งมา อาจโดนยุบเสียเองก็เป็นได้