‘สหรัฐ’ พึ่ง ‘ยานอก’ แก้ปัญหายาราคาแพง

‘สหรัฐ’ พึ่ง ‘ยานอก’ แก้ปัญหายาราคาแพง

“สหรัฐ” พึ่ง “ยานอก” แก้ปัญหายาราคาแพง โดยสหรัฐเป็นประเทศที่ราคายาแพงที่สุดในโลกโดยแพงกว่าราคากลางมาตรฐานมากถึงกว่า 300%

เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์อัลจาซีราห์ ได้เผยแพร่ผลสำรวจเกี่ยวกับราคายาทั่วโลก พบว่า สหรัฐเป็นประเทศที่ราคายาแพงที่สุดในโลกโดยแพงกว่าราคากลางมาตรฐานมากถึงกว่า 300%

ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะอนุญาตให้มีการนำเข้ายาจากประเทศแคนาดา และประเทศอื่น ๆ ที่มีราคาถูกกว่ายาในสหรัฐ เพื่อลดต้นทุนการให้บริการด้านสาธารณสุข และนี่เป็นนโยบายหนึ่งในการรณรงค์หาเสียงของทั้งทรัมป์ และของพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี2563

หน่วยงานด้านสุขภาพของสหรัฐได้นำเสนอแนวทางในการนำเข้ายาจากต่างประเทศ2แนวทางด้วยกันคือ 1.เสนอให้นำเข้ายาที่แคนาดาอนุญาตให้มีการจัดจำดหน่ายแล้ว โดยให้องค์การอาหารและยาของสหรัฐ(เอฟดีเอ)เป็นผู้อนุมัติอีกครั้ง

แต่แนวทางแรกจะไม่รวมยาในกลุ่ม ชีววัตถุ ซึ่งเป็นยาที่ทำมาจากโมเลกุลที่ซับซ้อน หรือผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิต ซึ่งหมายความว่า ยาประเภทอินซูลิน ซึ่งมีราคาแพงมากในสหรัฐ จะไม่รวมอยู่ในยาที่จะนำเข้ามาจากแคนาดา และแนวทางนี้จะเปิดโอกาสให้สาธารณชนแสดงความคิดเห็นเป็นเวลา 75 วัน ก่อนที่จะออกเป็นกฎหมายต่อไป

ส่วนแนวทางที่2 จะอนุญาตให้บริษัทยาเอกชนของสหรัฐเป็นผู้นำเข้า โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ที่ทำให้ยามีราคาแพงขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะทำให้บริษัทเอกชนสามารถนำยาจากต่างประเทศ รวมทั้งยาในกลุ่มไบโอโลจิค มาขายในราคาที่ต่ำกว่ายาอเมริกันที่มีสรรพคุณเดียวกัน

สหรัฐ เป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขต่อหัวประชากรสูงที่สุดในโลก โดยมีค่าใช้จ่ายด้านนี้ต่อหัวต่อปีอยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์ เทียบกับสวีเดน ที่มีต้นทุนด้านสาธารณสุขต่อหัวประชากรแค่ 351 ดอลลาร์ต่อปี

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขมากขนาดนี้ เพราะรัฐบาลสหรัฐมุ่งเน้นไปที่การดูแลเรื่องความปลอดภัยของการใช้ยา แต่กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของความคุ้มค่าที่จะนำยาตัวใหม่ และยาเดิมที่มีอยู่แล้วมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบกับการแข่งขันอย่างดุเดือดของบริษัทยาในตลาดสหรัฐที่มีจำนวนจำกัด

จะว่าไปแล้วความซับซ้อนในระบบสุขภาพสหรัฐ มาจากการขาดความโปร่งใสในระบบห่วงโซ่อุปทานยา ทำให้มีการสร้างเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ให้เกิดการแข่งขันที่มีเพียงบางบริษัทเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงยา และเพิ่มราคายาให้สูงขึ้น

เมื่อเดือนกค.ประธานาธิบดีทรัมป์ บอกว่า รัฐบาลกำลังเตรียมออกคำสั่งบริหารเพื่อลดราคายาในสหรัฐให้เหลือเทียบเท่าประเทศที่ค่ายาถูกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งยังกล่าวหาบริษัทยาว่า ฉกฉวยประโยชน์จากระบบยาของประเทศมาเป็นเวลานาน ทำให้ราคายาในสหรัฐแพงเกินกว่าประเทศข้างเคียง เช่น แคนาดา เม็กซิโก รวมถึงกลุ่มประเทศยุโรป

ตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา สหรัฐกำหนดให้บริษัทผู้ผลิตยาต้องเปิดเผยราคายาผ่านการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ ซึ่งทรัมป์มองว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยสร้างความโปร่งใสด้านราคายาได้