‘เอสซีบี’อุ้ม‘เพซ’ฟื้นกิจการ เร่งสรุปแนวทางแก้หนี้ หวังกลับมาดำเนินธุรกิจโดยเร็ว

‘เอสซีบี’อุ้ม‘เพซ’ฟื้นกิจการ เร่งสรุปแนวทางแก้หนี้ หวังกลับมาดำเนินธุรกิจโดยเร็ว

“ไทยพาณิชย์” หนุน “เพซ” ฟื้นฟูกิจการ หวังกลับมาดำเนินธุรกิจได้โดยเร็ว ยันไม่ใช้วิธีขายสินทรัพย์ทอดตลาดเหตุหลายโครงการยังมีศักยภาพไปได้ คาดได้ข้อสรุปภายในพ.ย.นี้ ด้าน “เพซ” ระบุการแก้ปัญหามีหลายแนวทาง

นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารได้หารือร่วมกับ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาทางออกร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ รวมถึง การหาแนวทางร่วมกัน เพื่อให้ เพซ กลับมาดำเนินธุรกิจได้โดยเร็ว

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้หลายแนวทาง ซึ่งธนาคารจะเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุด และมีความเป็นไปได้มากที่สุด โดยจะทำให้ เพซ สามารถกลับมาฟื้นฟูกิจการและดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยเร็ว ส่วนการขายสินทรัพย์ทอดตลาดคงไม่ใช่แนวทางที่ธนาคารจะเลือก เพราะ เพซ ยังมีศักยภาพในการฟื้นฟูกิจการได้อยู่ และธุรกิจเองก็ยังมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต

“วันนี้เราทำงานกันเต็มที่ทั้ง เพซ และเรา  ซึ่งเราได้รับการร่วมมือจากเพซเป็นอย่างดี ตั้งแต่ช่วงที่เกิดปัญหาขึ้น จนถึงตอนนี้ ส่วนทางออก เราคงยังบอกไม่ได้ว่า จะเลือกแนวทางไหน แต่ขอเลือกแนวทางที่ดีที่สุดที่ทำให้เพซกลับมายืนต่อได้ มากกว่าการขายสินทรัพย์ที่มีอยู่มาชำระหนี้ เพราะเรามองว่าเพซยังมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอีกมาก”

ส่วนความชัดเจนของการหารือนั้น คาดว่าภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ น่าจะมีความชัดเจนระดับหนึ่ง หรือเห็นทางออกร่วมกันแล้ว แต่หากการหารือยังไม่จบ ทั้งสองฝ่ายก็ต้อง มีคำตอบให้เช่นเดียวกันว่า ปัจจัยที่ทำให้การหาข้อสรุปเกิดความล้าช้ามากจากอะไร

“การหารือร่วมกันนั้นไม่ได้มีการขีดเส้น ว่าต้องจบภายในเดือนพ.ย. แบงก์ไม่เคยขีดเสัน แต่ขอให้การหารือร่วมกันมีทางออกเร็วที่สุด แบงก์ก็อยากให้มีทางออกที่รวดเร็ว เพราะหากจบได้เร็ว ก็สามารถเดินหน้าแผนตามแนวทางที่เลือกได้”

อย่างไรก็ตาม สำหรับวงเงินที่เพซ ผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารอยู่ที่ราว 10,000 ล้านบาท โดยธนาคารได้ตั้งสำรองไว้แล้ว 100 % ครอบคลุมวงเงินหนี้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นคาดว่า จะไม่มีผลกระทบต่อสถานะการดำเนินงานของธนาคาร หรือผลประกอบการของธนาคารในอนาคตแน่นอน 

แหล่งข่าวระดับสูงจาก PACE กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับ SCB เพื่อหาแนวทางชำระหนี้คืน โดยที่ผ่านมาบริษัทก็ได้ทำหนังสือถึง SCB ขอผ่อนผันและขยายระยะเวลาการชำระหนี้จากที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 4 พ.ย.เป็นวันที่ 20 พ.ย.2562 อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเรื่องทางเทคนิคก็ถือว่าบริษัทได้ผิดนัดชำระหนี้ เพราะหาเงินคืนไม่ได้ แต่ก็ต้องหาแนวทางการแก้ปัญหากันต่อไป

สำหรับแนวทางการการแก้ปัญหาชำระหนี้คืน SCB นั้น ปัจจุบันกำลังหาทางร่วมกับ SCB ซึ่งมีหลายแนวทาง โดยเบื้องต้นมีทั้งการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนหรือการทยอยปรับปรุงแผนการดำเนินธุรกิจตามเนื้อผ้าเพื่อให้เป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งเชื่อว่าเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นหากสิ่งที่จะทำสามารถตอบโจทย์และช่วยให้วินวินได้ทุกฝ่าย

“การหาพันธมิตรมาร่วมลงทุนโครงการที่มีอยู่ก็ต้องดูว่าเขาซื้อแบบไหน เพราะธุรกิจเราก็ทำเพื่อขายอยู่แล้ว ซึ่งการซื้อแบบยกโครงการหรือซื้อแบบยกชั้น หรือให้เราขายทีละยูนิตก็ต้องมาดูหากผลตอบแทนที่ได้รับวินวินทั้งคู่”

นายชาญ บูลกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บรุ๊คเคอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK ในฐานะกุนซือทางการเงินและที่ปรึกษาทางการเงินของ PACE กล่าวว่ามองว่าแบงก์ต้องเข้ามาช่วยเพื่อให้ PACE อยู่รอด ไม่งั้นก็จะเป็นเอ็นพีแอลแก่บริษัท แต่จะใช้แนวทางไหนมาช่วยอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างแบงก์กับ PACE

ขณะที่การหาพันธมิตรมาช่วยลงทุนหรือมาช่วยขายโครงการที่มีอยู่นั้น เชื่อว่าโอกาสก็มีสูงซึ่งขึ้นอยู่กับการเจรจา โดยมองธุรกิจอสังหาฯหากจะแก้ปัญหาก็ต้องให้โครงการขยายต่อได้หรือสร้างให้เสร็จเพื่อมาขายให้หมดแล้วก็จบไป อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครรู้ว่าแนวทางจะออกมาอย่างไร