รื้อระบบคูปองพัฒนาครู ยกเลิกให้เงินครูไปเลือกช็อปปิ้งหลักสูตร

รื้อระบบคูปองพัฒนาครู ยกเลิกให้เงินครูไปเลือกช็อปปิ้งหลักสูตร

“ณัฏฐพล” รื้อระบบคูปองพัฒนาครู ปรับกระบวนการอบรมพัฒนาครูใหม่ ระบุต้องไม่ใช่การให้ครูนำเงินไปเลือกช็อปปิ้งหลักสูตร ต้องอบรมครูเพื่อผลสัมฤทธิ์นักเรียน ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล พร้อมผุดมาตราการรัดเข้มขัด ทุกสังกัดงดอีเว้นท์ ดูงานต่างประเทศ1 ปี

     วันนี้ (3 ต.ค.) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ) กล่าวว่าการพัฒนาอบรมครู นั้นเป็นหน้าที่หนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งในส่วนของการดำเนินโครงการพัฒนาครูรูปแบบครบวงจร หรือ คูปองพัฒนาครู โดยส่วนตัวมองว่าต้องรื้อระบบการอบรมพัฒนาครูใหม่  เพราะการพัฒนา อบรมครูต้องเหมาะสมและมีผลสัมฤทธิ์ให้เกิดขึ้นกับนักเรียนไม่ใช่การให้ครูนำเงินที่ได้จากโครงการแล้วมาเลือกช็อปปิ้งหลักสูตรของหน่วยจัดอบรม และเมื่อมีการอบรมเกิดขึ้นแล้วครูได้รับประโยชน์และมีการพัฒนาจริงๆหรือไม่ เช่น หน่วยจัดอบรมผุดหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยระบบกูเกิล แต่เมื่อเข้าอบรมจริงๆแล้วมีการสอนและใช้งานกูเกิลจริงหรือไม่  เป็นต้น

      รมว.ศธ. กล่าวต่อว่าตอนนี้กำลังขอข้อมูลเพื่อดูรายละเอียดหลักสูตรการอบรมของโครงการคูปองพัฒนาครู ที่มีประมาณ 2,000 กว่าหลักสูตรก่อน โดยจะต้องมาวิเคราะห์ดูว่าแต่ละหลักสูตรตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล และมีความเข้มข้นในการจัดหลักสูตรอบรมมากน้อยขนาดไหน รวมถึงหลักสูตรที่มีต้องตรงกับความต้องการของครู  เกิดประโยชน์ ผลสัมฤทธิ์ต่อเด็กนักเรียนจริงๆ ไม่ใช่เปิดหลักสูตรอะไรก็ได้ ซึ่งตนเองจะควบคุมหลักสูตรต่างๆเอง  จะไม่ปล่อยให้มีการจัดอบรมให้ครูนำเงินไปช็อปปิ้งแล้วไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับนักเรียนเลย ส่วนการอบรมและพัฒนาครูมีความเชื่อมโยงกับการเลื่อนและมีวิทยาฐานะ นั้น กำลังหาแนวทางที่จะลดการทำวิทยาฐานะให้มีการประเมินตรงกับการเรียนการสอนจริงของครูในห้องเรียน ดังนั้น การอบรมพัฒนาครูใหม่ต้องตรงกับแนวทางการพัฒนาครูที่รัฐบาลกำหนด

      อย่างไรก็ตาม การรื้อระบบอบรมพัฒนาครูนั้นจะสอดคล้องกับนโยบายของศธ.ที่มุ่งยกระดับคุณภาพโรงเรียนให้ได้ภายใน  1 ปีด้วยระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งในอนาคตทุกโรงเรียนจะมีอินเตอร์ไฮสปีดใช้งานทั่วประเทศ และเมื่อเป็นแบบนั้น การอบรมและพัฒนาครูไม่จำเป็นต้องให้ครูทิ้งห้องเรียนมาอบรม แต่สามารถคลิ๊กข้อมูลการอบรมได้แค่ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียน

      นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่าจากการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้มีการรวบรวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนการศึกษาระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อนำมาวางแผนการทำงานในอนาคตให้มีทิศทางเดียวกันในปีงบประมาณ 2563  เพราะขณะนี้ ศธ.มีผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงขององค์กรหลักศธ.ที่ทดแทนอัตราเกษียณอายุราชการในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) และปลัดศธ.ครบแล้ว โดยได้กำชับในที่ประชุมว่าการใช้จ่ายงบประมาณของศธ.เป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นขอความร่วมมือทุกภาคส่วนงดดูงานต่างประเทศ 1 ปี ลดการจัดอบรมสัมมนาด้วยค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองแต่ให้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานให้มากขึ้น  พร้อมกับยกเลิกการจัดอีเวนท์ รวมถึงให้ทบทวนงบประมาณที่มีความซ้ำซ้อน เช่น การลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งต้องการดึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของทุกแท่งมาไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการข้อมูล เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการบริหารงานและลดค่าใช้ที่สิ้นเปลือง