ขึ้นสลับย่อ
ดัชนีดีดตัวขึ้นตอบรับปัจจัยบวกมาแล้วราว 60 จุด หรือ 3.7% จึงควรระวังแรงขายทำกำไรรอบสั้น
ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์
SET Index ปิดแกว่งตัว +0.27 จุด (+0.02%) ปิดที่ระดับ 1,670 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นตอบรับปัจจัยบวกสหรัฐ-จีนเตรียมเจรจาการค้ารอบใหม่ช่วงต้นเดือนต.ค. รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในเดือนก.ค.ทั้งดัชนีภาคบริการและการจ้างงานภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,528 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 5,326 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX จำนวน 4,049 สัญญา
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้
เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,675 - 1,680 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตอบรับ Sentiment บวกการประชุม ECB (12 ก.ย.) และ FOMC (17-18 ก.ย.) ที่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง, ธนาคารกลางจีน PBOC จะลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน RRR ลง 0.5% มีผล 16 ก.ย.เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบ Trade war รวมถึงสหรัฐ-จีนเตรียมเจรจาการค้ารอบใหม่ ช่วงต้นเดือนต.ค.ซึ่งเป็นบวกต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามการ Fund Flow ต่างชาติยังเป็น Net Sell 3.4 พันลบ. MTD. อีกทั้งดัชนีดีดตัวขึ้นตอบรับปัจจัยบวกมาแล้วราว 60 จุด หรือ 3.7% จึงควรระวังแรงขายทำกำไรรอบสั้น
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy
- กลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP) อานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 56 US/Barrel
- กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
- กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA) ครม.เศรษฐกิจออก Thailand Plus กระตุ้นเร่งรัดลงทุน 7 ด้าน
- หุ้น Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL
หุ้นแนะนำวันนี้
- JMT (18.4 IAA Consensus 24)ทยอยสะสมคาดแนวโน้มกำไรจะยังพุ่งทำ All time high ได้ทุกไตรมาสจากรายได้ของการเรียกเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ในการบริหารทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 12 ปี
- CHG (2.42 2.6 คาดผลกำไรผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว และจะเห็นกำไรที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 3Q19 โดยมีปัจจัยหนุนจากรายได้ประกันสังคมที่ฟื้นตัว โรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง ขาดทุนลดลง และยังมี Upside ในการปรับค่ารักษาพยาบาลกลุ่มลูกค้าประกันสังคมเพิ่มคล้ายกับ BCH
บทวิเคราะห์วันนี้
TOURISM SECTOR (Top pick: AOT, MINT)
ประเด็นสำคัญวันนี้
- (+/-) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด กดดันเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย:(+/-) เมื่อวันศุกร์สหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ตำแหน่ง ลดลงจากที่เพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่ง ตัวเลขจ้างงานที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันให้เฟดต้องลดดอกเบี้ยลงอีก เบื้องต้นตลาดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% จาก 2.25% เป็น 2% ในการประชุมที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 17-18 ก.ย.นี้
- (+/-) จีนปรับลด RRR Rate ของแบงก์พาณิชย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตัวเลขส่งออกและนำเข้ายังหดตัวทำให้ตลาดน่าจะตอบรับในโทนเป็นกลาง: เมื่อวันศุกร์จีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ลง 0.5% มีผล 16 ก.ย.19 คาดเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจประมาณ 9 แสนล้านหยวน (1.26 แสนล้านดอลลาร์) นับเป็นข่าวดีต่อตลาด อย่างไรก็ตามเนื่องจากตัวเลขส่งออกของจีนในเดือน ส.ค.พลิกเป็นติดลบ 1% จากเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือน ก.ค. เช่นเดียวกับตัวเลขนำเข้าที่หดตัว 5.6% เพิ่มขึ้นจาก เดือนก.ค.ที่หดตัว 5.3% ทำให้การตอบรับของตลาดในวันนี้น่าจะออกมาในโทนเป็นกลาง
- (+) ครม.เศรษฐกิจ เห็นขอบ แพ็คเกจ Thailand Plus ตามที่ BOI เสนอ เน้นมาตรการภาษีและเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุน: ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ นัดที่ 2 มีมติเห็นชอบ แพ็คเกจ Thailand Plus ตามที่ BOI เสนอ โดยจะมีการเร่งลงทุนทั้งหมด 7 ด้าน ส่วนใหญ่เน้นมาตรการทางด้านภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพ บุคลากร เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการลงทุนรวมไปถึงคล่องตัวในการขอสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ สำหรับโครงการที่มีเงินลงทุนจริงอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 โดยต้องยื่นขอรับส่งเสริมภายในปี 2563 แต่ด้วยเป็นมาตรการด้านภาษีและคุณภาพ ทำให้มาตรการที่ออกมาในครั้งนี้วัดเป็นมูลค่าแล้วยังไม่ชัดเจน ทำให้มาตรนี้ดูไม่ตื่นเต้นเหมือนกับมาตรการชุดแรกที่มีมูลค่าการกระตุ้นกว่า 3.2 แสนล้านบาท