ผันผวนระหว่างวัน

ผันผวนระหว่างวัน

ดัชนีวานนี้ปรับตัวลงแรง หลังจากที่หลายวันก่อนหน้านี้ดัชนีได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับผิดหวังมาตรการยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย

ทำให้ดัชนีถูกกดดันจากกลุ่มท่องเที่ยว นำโดย AOT  ประกอบกับ นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิกว่า 3 พันลบ. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,625.57 จุด (-11.69 จุด) Volume 5.7 หมื่นลบ. TFEX Net -4,447 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -8,138 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ก.คลังเห็นชอบมาตรการกระตุ้นศก.วงเงิน 3.16 แสนล้านบาทหวังจะช่วยดัน GDP เพิ่มได้อีก 0.5% ทำให้ GDP ปีนี้มีโอกาสโตถึง 3.5%

+ดัชนีภาวะธุรกิจภาคบริการในมิดแอตแลนติก-สหรัฐในเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้น 8 จุด สู่ระดับ 32.5

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 1.3 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.76 บาท/US

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 173.35 จุด -0.66% กังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดในศุกร์นี้เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 13 เซนต์ +0.2% ปิด 56.34 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ และสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก

 -สหรัฐเตือนจีนเจรจาการค้าล่มหากกวาดล้างม็อบฮ่องกงด้วยความรุนแรงแบบจตุรัสเทียนอันเหมิน

-รัฐบาลอังกฤษประกาศคว่ำบาตรการประชุม EU มีผล 1 ก.ย. หลัง EU เมินอังกฤษขอเปิดเจรจาครั้งใหม่เกี่ยวกับข้อตกลง Brexit

*จับตาสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์และรายงานการประชุม FOMC

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวผันผวนระหว่างวัน เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังคงจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันศุกร์นี้ เพื่อดูสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนผิดหวังจากการที่ ครม. ไม่อนุมัติการยกเว้น VISA นักท่องที่ยวจีนและอินเดีย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,617-1,629 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

หุ้น Defensive Stock (EASTW TTW BCH CPALL BJC),หุ้น High Dividend (SIRI QH TISCO KKP ANAN), หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (ERW CENTEL AOT BJC CPALL TNP)

หุ้นรายงานพิเศษ

FSMART Analyst Meeting (แนะนำถือยาวรับเงินปันผล)

กลับมาสู้ใหม่ ให้เวลาพิสูจน์

  • นิยามธุรกิจใหม่เป็น “ช่องทางการจัดจำหน่ายไม่ใช่ “ตู้เติมเงิน” เช่นในอดีต ขยายสู่บริการหลากหลายทั้ง banking agent (ปัจจุบัน 4 รายจะเพิ่มอีก 1 รายในQ3 ) ตู้อัตโนมัติขายเครื่องดื่มและสินค้า การให้บริการขายซิมมือถือ บริการ E-KYC การให้บริดานด้านสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากธปท.) ซึ่งจะเพิ่มรายได้ในอนาคต
  • เน้นกลยุทธ์เพิ่มรายได้ต่อง ทดแทนกลยุทธ์เดิมเพิ่มจำนวนตู้ที่ทำให้มีคชจ.ด้านค่าเสื่อมราคา ปลายมิ.ย.62 มีจำนวนตู้ 1.29 แสนตู้ -0.7%YoY ขณะที่จำนวนรายการโอนเงินเฉลี่ย 31,813 รายการต่อวัน +16.6%YoY
  • 2Q62 มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท -3.4%YoY -2.9%QoQ 1H62 กำไรสุทธิ 295 ล้านบาท ทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน ปลายมิ.ย. 62 มีจำนวนตู้ 129,011 +0.9%QoQ -2.3%YoY
  • ราคาหุ้นที่ลดลง 9% จากเดือนก่อนหน้า ซื้อขายที่ PE 10 เท่าต่ำกว่า PE กลุ่มที่ 23 เท่า yield เฉลี่ย 7-8% แนะนำถือ

หุ้นมีข่าว   

GPSC (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 74.96) แนะนำลงทุนระยะยาว และ GLOW (Bloomberg Consensus 90.13) แนะนำขายก่อน Delisted ธ.ค. นี้

·      ระยะสั้น หลังควบรวม GLOW คาดว่ารายได้และกำไรจะเติบโตแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายการเงินเข้ามากดดัน

·      ระยะยาว หลังเพิ่มทุนคาดกำไรจะเพิ่มขึ้นแต่ EPS จะถูก diluted โดยจะได้ชดเชยจาก synergy ระหว่าง GLOW และ GPSC และการเติบโตตามกลุ่ม PTT

·      คาด GLOW จะออกจากตลาด ธ.ค. นี้ GPSC จะขึ้น XR 4 ก.ย. คาด Diluted 9% เหลือ 63.5 บาท/หุ้น

SKN Analyst Meeting ราคาปิด 1.94 บาท แนะนำ Wait & See

·      แนวโน้มประกอบการช่วง 2H19 จะปรับตัวดีขึ้น HoH โดยมีสาเหตุหลักจาก 1) ราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวดีขึ้น และเริ่มมีเสถียรภาพอีกครั้ง 2) คาดการกำลังผลิตเครื่องจักร Line 2 ปรับตัวดีสู่ระดับ 80% ซึ่งเป็นระดับ Break-even ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ 3) บริษัทสามารถขอปรับราคาขายกับคู่ค้าเพิ่มขึ้นได้ราว 5% เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

·      อย่างไรก็ตามบริษัทยังถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าเนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกราว 97% ประกอบกับค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าทำให้จีนที่เป็นผู้ส่งออก MDF รายใหญ่ของโลกมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น

·      BCH (ราคาปิด 15.80 บาท Bloomberg Consensus 18.97 บาท) แกนหุ้น BCH โดดเด่น กลุ่มโรงพยาบาล จับตา Q3/2562 ทำนิวไฮ หนุนครึ่งปีหลังโตแรง จากแรงหนุนของ High Season บวกกับได้รับโควต้าประกันสังคมเพิ่มขึ้น ลุ้นปรับเพิ่มการจ่ายเงินของประกันสังคมเพิ่มขึ้น ขณะที่ WMC ทำผลงานเติบโตดี (ที่มา ทันหุ้น)

·      JWD (ราคาปิด 8.55 บาท Bloomberg Consensus 11.82 บาท) ธุรกิจขยาย ไฮซีซันโลจิสติกส์หนุนครึ่งหลังพีค ผลงานทั้งปีเข้าเป้าโต 20% พร้อมเร่งดีลควบรวมและร่วมทุนธุรกิจอาหารใน-นอกหวังดันเข้าตลาดหุ้นปี 65 (ที่มา ทันหุ้น)

·      BCP (ราคาปิด 26.25 บาท Bloomberg Consensus 32.44 บาท) คาดค่าการกลั่น GRM ครึ่งปีหลังฟื้นตัวที่ 6-7 ดอลลาร์ เนื่องจากเข้าช่วงไฮซีซันธุรกิจที่ดีมานด์การใช้น้ำมันเบนซินสูง ทั้งปีใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ 5.6 ดอลลาร์ ส่วน Q3 หวังไม่มี Stock Loss มองมาตรการ IMO หนุน พร้อมเล็งออกหุ้นกู้ไตรมาส 4/2562 วงเงิน 6 พัน-1 หมื่นล้านบาท ส่วนแผน BBGI เข้า SET เห็นได้ราวครึ่งหลังปี 63 (ที่มา ทันหุ้น)

·      TEAMG ขาขึ้น จ่อเซ็นรับงานใหญ่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดันแบ็กล็อกทะยานนิวไฮ 4 พันล้านบาท ชี้การประมูลรถไฟทางคู่ออกมาต่อเนื่องสร้างความมั่นใจ พร้อมมองหาโอกาสรับงานประเทศลาวเพิ่มเติม มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้าเติบโต 10-15% (ที่มา ทันหุ้น)

·      PYLON (ราคาปิด 6.00 บาท Bloomberg Consensus 7.98 บาท) ผบห.มั่นใจผลงานครึ่งปีหลัง 2562 โตต่อ จัดทัพเครื่องจักร อุปกรณ์ และเครื่องมือก่อสร้าง ลุยประมูลงานใหม่ ล่าสุดตุนแบ็กล็อกแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากโครงการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทยอยออกมา (ที่มา ทันหุ้น)

·      RATCH (ราคาปิด 68 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 70.70) จะใช้เงินราว 2 พันลบ.เข้าซื้อหุ้น 99.97% ใน"นวนครการไฟฟ้า" ส่วนหนึ่งซื้อจาก TTCL สัดส่วน 44.02% (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

  • IVL (ราคาปิด 25 บาท Bloomberg Consensus 51.88 บาท) เดินหน้าแผนขยายลงทุน คงเป้า Core EBITDA แตะ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 66 หลังซื้อกิจการ Huntsman หนุนสัดส่วนรายได้เพิ่ม ย้ำหากมีดีลซื้อกิจการที่น่าสนใจพร้อมลงทุน หลังเตรียมเม็ดเงินลงทุนไว้กว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ที่มา ข่าวหุ้น)
  • AP (ราคาปิด 55 บาท Bloomberg Consensus 8.98 บาท) ตุนแบ็กล็อก 54,898 ล้านบาท จ่อบุ๊กปีนี้กว่า 15,527 ล้านบาท เล็งเปิดโครงการใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวม 26,800 ล้านบาท ดันยอดขายปีนี้แตะ 41,800 ล้านบาท หลัง 7 เดือนแรกกวาดยอดขายแล้วกว่า 24,060 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
  • 7UP ลั่นปี 62 รายได้ 1,400 ล้านบาท โต 70% พร้อมมั่นใจพลิกมีกำไร ชูธุรกิจการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารชายฝั่งตะวันออกกลางตอนล่างและภาคใต้ เปิดเส้นทางแหลมฉบัง-ประจวบคีรีขันธ์ เริ่มปี 63 คาดหนุนรายได้ 900 ล้านบาท/ปี เล็งล้างขาดทุนสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในปี 63 หวังจ่ายเงินปันผลได้ภายในปี 64 (ที่มา ข่าวหุ้น)