คำสั่งขายทำกำไรฉุดดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด

คำสั่งขายทำกำไรฉุดดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร (20ส.ค.)ปรับตัวร่วงลง 173 จุดจากคำสั่งขายทำกำไร หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อวันจันทร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 173.35 จุดหรือ 0.66% ปิดที่ 25,962.44 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 23.14 จุดหรือ 0.79% ปิดที่ 2,900.51 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 54.25 จุดหรือ 0.68% ปิดที่ 7,948.56 จุด

บริษัทโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานกำไรในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไร 1.55 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.53 ดอลลาร์/หุ้น แต่บริษัทมีรายได้ 4.17 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.20 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ยอดขายลดลง 2.9% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.5%

ส่วนโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่รายได้และยอดขายต่ำกว่าคาด โดยมีกำไร 3.17 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.08 ดอลลาร์/หุ้น แต่มีรายได้ 3.084 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.099 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้น 3% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5%

ขณะที่นายนารายานา โคเชอร์ลาโคตา อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส แสดงความเห็นสอดคล้องกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงเกินไป

“ผมเห็นด้วยกับท่านประธานาธิบดีเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ โดยทั่วไปผมคิดว่าเฟดคุมเข้มมากเกินไป แต่ผมคิดว่าเฟดอาจไม่ต้องลดอัตราดอกเบี้ยถึง 1%” นายโคเชอร์ลาโคตาระบุ

นายโคเชอร์ลาโคตา กล่าวว่า เฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และถ้าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี นายโคเชอร์ลาโคตา กล่าวว่า ประธานาธิบดีไม่ควรมีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์เฟด ซึ่งจะสร้างความไม่มั่นใจเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของเฟด

ปธน.ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ เรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1% และรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)