'เทวัญ' เผยชพน.ดันแก้ปัญหาปชช. ในร่างนโยบายรบ.

'เทวัญ' เผยชพน.ดันแก้ปัญหาปชช. ในร่างนโยบายรบ.

"หัวหน้าชพน." เผยจัดทำร่างนโยบายพรรคร่วมรัฐบาล ดันศก.ชุมชนและกระจายการลงทุน

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.62 ที่พรรคชาติพัฒนา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ได้กล่าวถึงการจัดทำร่างนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของรัฐบาลผสม 19 พรรค ที่ได้ร่วมกันนำเสนอนโยบายของแต่ละพรรค เพื่อนำไปพิจารณาให้เกิดภาพรวมที่สมบูรณ์ของนโยบายรัฐบาล เพราะแต่ละพรรคก็มีผู้มีประสบการณ์ในการบริหาร และได้ออกไปพบปะพี่น้องประชาชนมาตลอดระยะเวลาในช่วงเลือกตั้ง ทำให้ได้ข้อมูลที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ในการบริหารประเทศ และรับทราบปัญหาที่ควรเร่งรัดในการแก้ไขที่เป็นความต้องการของประชาชน

การที่พรรคพลังประชารัฐได้ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมกันจัดทำนโยบายร่วมกันในลักษณะเช่นนี้ ถือว่าเป็นมิติใหม่ในการร่วมกันทำงานของรัฐบาลผสม และเป็นการตอกย้ำถึงการให้ความสำคัญของเสถียรภาพและความร่วมมือกันของพรรคร่วมในภาวะเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพรัฐบาลเป็นอย่างดียิ่ง และจะทำให้ได้เห็นนโยบายที่ดีและสมบูรณ์ในทุกมิติ สามารถสร้างความมั่นใจให้กับภาพรวมทางเศรษฐกิจและนักลงทุน และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศให้สำเร็จตามความต้องการของพี่น้องประชาชน

นายเทวัญกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของพรรคชาติพัฒนานั้นได้นำเสนอนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้าของคนในชนบทและเกษตรกรอย่างเร่งด่วน การปรับนโยบายการศึกษาที่ให้ความสำคัญในด้านเทคโนโลยีและการให้เด็กไทยมีความสามารถด้านภาษาอย่างน้อย 2 ภาษา การนำระบบ smart farmer มาใช้กับภาคเกษตร การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและรักษาขีดความสมารถด้านการแข่งขันของประเทศ การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน การลงทุนและเร่งรัดการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอาทิเช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ ถนน เป็นต้น ให้ทั่วถึงและเชื่อมโยงทุกภูมิภาค เพื่อกระจายความเจริญและรองรับการลงทุน

การส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นอุตสาหกรรมหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ การดูแลผู้สูงอายุและลดความเหลื่อมล้ำ ในสังคม การกระจายอำนาจและสวัสดิการต่างๆของผู้นำท้องถิ่น และการส่งเสริมด้านกีฬา เป็นต้น เมื่อมีการจัดทำนโยบายเสร็จเรียบร้อยก็จะได้มีการแถลงต่อสภา หลังจากนั้นรัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก็จะได้เริ่มลงมือทำงานตามนโยบายต่อไป