ดีเดย์พรุ่งนี้ '16 หุ้นเปิดเทรดชั่วคราว'

ดีเดย์พรุ่งนี้ '16 หุ้นเปิดเทรดชั่วคราว'

ดีเดย์พรุ่งนี้ “16 หุ้นเปิดเทรดชั่วคราว” โบรกฯ เตือนรอบคอบในการลงทุน ราคาหุ้นผันผวนเกินพื้นฐาน ดีบีเอสฯ เผย PRO, BLISS, BUI มีกำไร-ทุนจดทะเบียนเข้าเกณฑ์


ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ 16 บริษัทจดทะเบียนที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขายระทึก หลังตลาดหลักทรัพย์จะเปิดให้ทำการซื้อขายชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค.2562 ก่อนจะห้ามการซื้อขายต่อไป จนกว่าจะสามารถแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนได้สำเร็จ


16 หุ้นที่ถูก SP ประกอบด้วย บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ A5 , บริษัท บลิส-เทล จำกัด(มหาชน) หรือ BLISS, บริษัท บางกอกสหประกันภัย จำกัด(มหาชน) หรือ BUI, บริษัทชูโอ เซ็นโก(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ CHUO
บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) หรือ EARTH , บริษัท จี สตีล จำกัด(มหาชน) หรือ GSTEL , บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ IFEC, บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ KC , บริษัท เคเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ KTECH


บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ NBC, บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ NMG, บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด(มหาชน) หรือ POLAR, บริษัท โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี(1999) จำกัด(มหาชน) หรือ PRO, บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด(มหาชน) หรือ STHAI, บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด(มหาชน) หรือ TSF และ บริษัท วีรีเทล จำกัด(มหาชน) หรือ WR


นอกจากนี้ยังมี 3 หลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนคือ IEC, LVT, YNP ซึ่งตลาดหลักทรัพย์เปิดให้ซื้อขาย 7 วันทำการระหว่างวันที่ 1-9 ก.ค. 2562 ก่อนจะให้ออกจากตลาดฯ ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 2562
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า ช่วงการเปิดเทรดชั่วคราวหุ้นที่ถูก SP อาจถูกเทขายมาจากผู้ถือหุ้นเดิมหรือมีรายใหม่เข้ามาเก็งกำไร แต่ความเสี่ยง คือระยะเวลาในการถือหุ้นจะนาน เพราะไม่แน่นอนว่าจะกลับมาซื้อขายได้เมื่อไร จากการสำรวจมี 3 หลักทรัพย์ที่มีกำไรคือ PRO, BLISS และ BUI และทุนจดทะเบียนเข้าเกณฑ์ แต่ยังต้องติดตามคุณสมบัติอื่นๆ ว่าจะผ่านการพิจารณาได้ในอนาคตหรือไม่


ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย)ฯ ประเมินว่าพรุ่งนี้(1ก.ค.)ที่เปิดการซื้อขายชั่วคราว หุ้นที่ถูก SP ราคาหุ้นอาจผันผวนมากกว่าข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน นักลงทุนจึงควรพิจารณาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานและประเด็นข่าวเพิ่มเติม จากการชี้แจงข้อมูลของบริษัทเหล่านี้ไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ


จากการศึกษาพบว่ามี 6 หุ้นที่ส่งงบการเงินต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/2562คือ BUI ,PRO,BLISS,A5,WR,YNP ขณะที่หลักทรัพย์ที่ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ มี 4 หลักทรัพย์ คือ NMG, CHUO,TSF,YNP และมีอีก 3 หลักทรัพย์ที่ส่วนของผู้ถือหุ้นตามข้อมูลงบการเงินล่าสุดเป็นบวก แต่มีโอกาสพลิกไปติดลบถ้าผลประกอบการยังขาดทุนสุทธิต่อเนื่องคือ GSTEL, KTECH, CHUO
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัสฯ (ASP) กล่าวว่า ผู้ที่จะมาซื้อรอบนี้ ต้องเป็นผู้ที่สามารถถือยาวได้นานมาก เพราะต้องรอจนกว่าบริษัทจะพลิกฟื้นกิจการมาใหม่ ส่วนคนที่ติดหุ้นมาเป็นเวลานาน ก็เป็นโอกาสในการปล่อยขาย เพื่อจะช่วยลดความตึงเครียดจากสภาพคล่อง


“ผู้จะเข้าไปเล่นหุ้นเหล่านี้ต้องคิดให้รอบคอบ เพราะนอกจากต้องถือยาว ต้องดูปัจจัยพื้นฐานซึ่งมีบางตัวที่ยังดี แต่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีความเสี่ยง ถ้าไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ก็ไม่ควรเข้าซื้อ”