‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘ทรงตัว’ ที่ 31.82 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘ทรงตัว’ ที่ 31.82 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเคลื่อนไหวกรอบแคบ ตลาดยังสงสัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอยู่ ขณะที่ค่าเงินอาเซียนอื่นๆ ก็ไม่ได้ฟื้นตัวชัดเจน

นายจิติพลพฤกษาเมธานันท์นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า  ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ31.82 บาทต่อดอลลาร์ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อน

ในส่วนของค่าเงินบาทช่วงนี้สังเกตว่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบเท่านั้นเรามองว่าตลาดยังมีความสงสัยในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอยู่ขณะที่ค่าเงินอาเซียนอื่นๆก็ไม่ได้ฟื้นตัวชัดเจนเช่นอินโดนีเซียรูปี(IDR) ที่เป็นสกุลเงินดอกเบี้ยสูงแม้การเมืองจะมีเสถียรภาพหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีแต่ก็กลับไม่แข็งค่านักขณะที่มาเลเซียริงกิต(MYR) กลับอ่อนค่าลงจากความกังวลว่าสินทรัพย์อาจถูกลดสัดส่วนการลงทุนลงจากนักลงทุนทั่วโลกภาพดังกล่าวถือว่าค่อนข้างผสมผสานและส่งผลให้ผู้ค้าส่วนใหญ่ไม่กลับเข้าลงทุนในสกุลเงินเอเชียแม้ตลาดจะเปิดรับความเสี่ยง(Risk On)

มองกรอบเงินบาทในวันนี้31.77- 31.87 บาทต่อดอลลาร์และกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้31.70 -32.20 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกวันที่22 - 26 เมษายนนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาดังนี้

ฝั่งสหรัฐฯคาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทน(Durable Goods Orders) ที่จะรายงานในวันพฤหัสจะปรับตัวลดลง1.0% จากเดือนก่อนเพราะสินค้ากลุ่มเครื่องบินจากปัญหาโบอิ้ง737 Max 8 อย่างไรก็ดีในวันศุกร์ก็จะมีการรายงานจีดีพีไตรมาสที่1 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง2.4% จากไตรมาสก่อนหน้า(ปรับเป็นรายปี) โดยรวมภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังถือว่ามีความแข็งแกร่ง

ฝั่งเอเชียตลาดจะจับตาไปที่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) ในวันพฤหัสแม้ทั้งตลาดกำลังมองว่าBOJ จะ“คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบาย(Policy Balance Rate) ที่ระดับ-0.1% แต่มองว่าBOJ อาจจะแสดงความกังวลแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อมากขึ้นและย้ำว่านโยบายการเงินยังสามารถ“ผ่อนคลายได้อีก” ทั้งในรูปแบบของการลดอัตราดอกเบี้ยหรือเพิ่มปริมาณการทำQE ถ้าเศรษฐกิจญี่ปุ่นหรือเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด

ฝั่งไทยเราคาดว่ายอดการส่งออกในเดือนมีนาคมที่จะรายงานวันนี้จะหดตัวราว3.0% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโดยมีปัจจัยจากการส่งออกไปยังจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงนอกจากนี้มองว่ายอดนำเข้าในเดือนมีนาคมจะหดตัว4.0% เช่นเดียวกันเนื่องจากความต้องการสินค้าในภาคส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัวทำให้ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องเร่งรีบนำเข้าวัตถุดิบ

นอกเหนือจากนี้ตลาดจะจับตาการพบปะกันระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำญี่ปุ่นที่มีกำหนดพบปะกันในวันศุกร์คาดว่าจะมีการหารือในประเด็นข้อตกลงทางการค้าและการรับมือปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลี