ยูเอ็นเตือนโลกเผชิญภาวะ“โกลาหล”

ยูเอ็นเตือนโลกเผชิญภาวะ“โกลาหล”

ก่อน“ทรัมป์”ยึดโพเดียมและใช้วาจาแข็งกร้าวตำหนิหลายประเทศทั้งประเทศคู่ค้า โอเปก และอิหร่าน

นายอันโตนิโอ กูเตียเรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวสุนทรพจน์เปิดประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เมื่อวันอังคาร( 25 ก.ย)เตือนว่า ระเบียบโลกกำลังเผชิญหน้ากับภาวะโกลาหล มีความวุ่นวาย สับสนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากภัยคุกคามด้านต่างๆที่จะทำให้โลกแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกวันนี้ ความเชื่อใจในระเบียบโลกที่มีพื้นฐานอยู่ที่กฏระเบียบในบรรดาประเทศต่างๆทั่วโลกเดินมาถึงจุดแตกหักและความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้น

“ทุกวันนี้ ระเบียบโลกมีความโกลาหลเพิ่มขึ้น ความสัมพันธ์ของอำนาจมีความชัดเจนน้อยลง คุณค่าของโลกกำลังเสื่อมสลาย หลักการประชาธิปไตยถูกยึดครอง”เลขาธิการยูเอ็น กล่าวเตือน

ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมครั้งนี้ ด้วยการกล่าวโจมตีอิหร่านว่า หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความวุ่นวาย ความตาย และความหายนะไปทั่วตะวันออกกลาง พร้อมทั้งกล่าวปกป้องกรณีที่สหรัฐตัดสินใจถอนตัวจากการทำข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านว่า เป็นการกระทำที่ได้รับความชื่นชมจากประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง ทั้งยังระบุว่า บรรดาผู้นำอิหร่าน ได้ปล้นความร่ำรวยไปจากประเทศตนเอง และเรียกอิหร่านว่า ประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้ายในต่างแดน

นอกจากนี้  ทรัมป์ ยังกล่าวโจมตีกลุ่มประเทศผลิตและส่งออกน้ำมัน(โอเปก) โดยระบุว่า “กลุ่มโอเปกยังคงขูดรีดชาติต่างๆบนโลกนี้เหมือนเดิม ซึ่งผมไม่ชอบเลย และไม่ควรจะมีผู้ใดชอบด้วยเราได้ให้การคุ้มครองหลายประเทศในกลุ่มนี้ แต่กลับไม่มีอะไรดีขึ้น พวกเขาเอาเปรียบพวกเรา ทำให้ราคาน้ำมันแพง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย”

คำกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่โอเปก และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก รวมถึงรัสเซีย ได้จัดการประชุมที่แอลจีเรียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเห็นพ้องให้คงกำลังการผลิตที่ระดับปัจจุบัน แม้สหรัฐพยายามเรียกร้องให้โอเปกเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันก็ตาม

ส่วนในประเด็นกรณีพิพาทการค้า ประธานาธิบดีทรัมป์ ใช้เวทีการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น กล่าวปกป้องนโยบายการค้าของสหรัฐ โดยกล่าวกับผู้นำทั่วโลกว่า สหรัฐจะดำเนินการบนผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

“เราจะไม่ผ่อนปรนการเอาเปรียบเช่นนี้อีก เราจะไม่ให้แรงงานของเราตกเป็นเหยื่อ บริษัทของเราถูกโกง และความมั่งคั่งของเราถูกปล้น และถูกโยกย้ายไป” ปธน.ทรัมป์กล่าว