'รอมแพง' ขนลุก! 'บุพเพสันนิวาส' ดังสะเทือนทั่วพระนคร

'รอมแพง' ขนลุก! 'บุพเพสันนิวาส' ดังสะเทือนทั่วพระนคร

"รอมแพง" ผู้ประพันธ์บุพเพสันนิวาส ขนลุกละครปังสะเทือนทั่วพระนคร

นาทีนี้ถ้าไม่พูดถึงละครบุพเพสันนิวาส อาจจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง เพราะแฟนๆ ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ต่างพูดสำเนียงไทยโบราณกันเป็นว่าเล่น ไหนจะความฟินเวอร์ของหุ่นอันบึกบึนของพี่หมื่นโป๊ป และปั่นจัน พร้อมความน่ารักและน่าชังของนางเอกเบลล่า ราณี ที่รับแสดงสองคาแรกเตอร์จนมีเสียงชื่นชม

แต่ทั้งนี้ก็ต้องกลับไปขอบคุณต้นกำเนิดของละครเรื่องดังกล่าว ที่ผู้ประพันธ์อย่าง "รอมแพง" เขียนออกมาดีจนประสบความสำเร็จทั้งในรูปแบบนวนิยายที่ได้รับรางวัลและละครที่เป็นกระแส "ออเจ้า"อยู่ตอนนี้ บันเทิงเนชั่นวันนี้เลย ขอเกาะกระแสไปพูดคุยกับ "รอมแพง" กันเสียหน่อยนะเจ้าข้า

"รอมแพง" คือใคร หน้าตาเป็นอย่างไรคำถามนี้แฟนละครคงสงสัยและควานหากันจนเจอบ้างแล้ว

6jhcae6gc7hia6di5jkbe

นามปากกา "รอมแพง" หรือ อุ้ย จันทร์ยวีร์ สมปรีดา หญิงสาวจากแดนสะตอ เมืองสองธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ซึ่งรักการอ่าน มีจินตนาการ ไม่หยุดแสวงหาแรงบันดาลใจ และมุ่งมั่น อดทน เพื่อจะพัฒนาการเป็นนักประพันธ์ที่ดีในแบบฉบับของเธอ

เธอมีผลงานมาแล้วมากกว่า 20 งานเขียนด้วยกันอย่าง ดาวเกี้ยวเดือน, บุพเพสันนิวาส, มิติรักข้ามดวงดาว,คีตโลกา, เรือนพะยอม และส่วนใหญ่ก็จะเป็นนวนิยายแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่เธอชอบนั่นเอง รอมแพงเล่าว่าเหตุที่ชอบเขียนนวนิยายแนวนี้ก็ เพราะส่วนตัวไม่ชอบความเศร้า ชอบอะไรที่มีความสุข เพราะนั่นคือจินตนาการของผู้เขียนที่อยากถ่ายทอดให้เห็นกันและเชื่อว่าผู้อ่านก็ชอบอะไรที่มีความสุขเหมือนกัน

"รอมแพง นั่นเริ่มเขียนนวนิยายเรื่องแรกเลยก็คือมิติรักข้ามดวงดาว ซึ่งจริง ๆ ก็ได้แรงบันดาลใจจากการเล่นเกมส์มังกรหยก กับน้อง ๆ เพื่อน ๆ ในเกมส์ขณะนั้น เหตุเพราะว่า รอมแพงเป็นคนมีทักษณะการพิมพ์ที่ค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งรอมแพง ก็ได้แชทตอบโต้กับเพื่อนในเกมส์แบบทันควัน แถมภาษาที่ใช้ก็คิดว่าน่าจะประทับใจเพื่อน ๆ ในเกมส์ จนมีแฟนคลับคอยติดตามการสนทนาของเราในเกมส์ไปเลย จนมาวันหนึ่งมีน้องมาบอกว่า พี่น่าจะเขียนนิยายดูนะ เราก็ฉุกคิดและรับไปว่าเออ โอเค และก็ได้นวนิยายเรื่องแรกของเรามา เป็นแฟนตาซีไปเลยตอนนั้น ได้เขียนลงพันทิปก่อน ซึ่งเชื่อมั้ยว่ากระแสตอบรับดีมีคนตามต่อ เป็นอะไรที่ปลื้มใจมาก ๆ ก็มีเรื่องอื่นๆ ตามมาเรื่อยๆ รวมแล้วนี่ก็ 11 ปีที่เขียนนวนิยายมาแล้ว"

สำหรับนามปากกาที่ได้มานั้น เพราะการอ่านหนังสือของนักประพันธ์ชั้นครู ทมยันตี เรื่องเวียงกุมกาม ซึ่งตัวอุ้ย จันทร์ยวีร์ ก็ชื่นชอบเรื่องนี้มากโดยเฉพาะนางเอกอย่าง "รอมแพง" จึงตัดสินใจเข้าไปไหว้ ทมยันตี ในงานสัปดาห์หนังสือและขอนำชื่อนี้มาใช้เป็นนามปากกา ซึ่งท่านก็กล่าวกับอุ้ย ว่าเอาไปใช้เลยรอมแพง เล่าด้วยแววตาปลื้มปิติและชื่นชมว่า

"ขณะที่ ทมยมตี หรือ คุณหญิงวิมล ได้อนุญาตให้ใช้ชื่อรอมแพง ตัวเองก็ได้แต่ยิ้ม พูดอะไรไม่ออก เพราะท่านเป็นหนึ่งในนักประพันธ์ไอดอลของตัวเองด้วย จนทุกวันนี้แม้เจอท่านในงานสัปดาห์หนังสือ ก็ยังไม่กล้าเข้าไปหาท่าน ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ ด้วยความขอบคุณและปลื้มท่าน"

กลับมาคุยกันต่อเรื่องความสำเร็จและโด่งดังของบุพเพสันนิวาส ซึ่งก่อนจะปังและถูกพูดถึงกันมากมายทั้งในและต่างประเทศ กับรูปแบบละครโทรทัศน์นั้น สำหรับงานประพันธ์เองก็ได้รับรางวัลมาเช่นกัน ซึ่งตั้งแต่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2553 จนถึงตอนนี้ก็มีการตีพิมพ์ซ้ำอีกปีละ 2-3 ครั้งเลยทีเดียว

"ตอนแรกก็คิดอยู่แล้วว่าน่าจะดังในระดับหนึ่ง เพราะเป็นโครงเรื่องที่คนยุคปัจจุบันข้ามไปในอดีต แล้วอิงประวัติศาสตร์อีก เป็นพีเรียดแล้วคนน่าจะชอบกัน แต่ก็ไม่คิดว่าเปรี้ยงปร๊างขนาดนี้ แบบตกใจมาก ตนจนขนลุกเลย ว่าอย่างนั้นดีกว่า ก่อนละครจะออกอากาศ ก็ตีพิมพ์ซ้ำครั้งที่ 27 แล้ว ก็คือตีพิมพ์เพิ่มทุกปี ปีละ 2-3 ครั้งบุพเพสันนิวาส เราเขียนมาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ ตั้งแต่ปี 2553 ตอนนี้หลังจากละครออกอากาศ คือในเดือนเดียว ตีพิมพ์ไปแล้วเพิ่มขึ้นอีก 10 ครั้งเลย ซึ่งใครอยากได้ตอนนี้ก็ต้องสั่งจองเป็นล็อตไปคือ โรงพิมพ์ก็จะมีคิวที่รอตีพิมพ์อยู่แล้ว เลยต้องรอเป็นล็อตไป ซึ่งพิมพ์เพิ่มครั้งหนึ่ง ก็ประมาณ 1,000-1,500 เล่ม ตอนนี้รวม ๆ แล้วสัปดาห์เดียวก็ หมื่นกว่าเล่มค่ะแน่นอนอยู่แล้วในฐานะนักเขียนเราปลื้มใจมาก ยิ่งมีคนอ่านงานของเราเยอะ ๆ ยิ่งดีแล้วพอมาเกิดเปรี้ยงอย่างนี้แล้วทุกคนตามอ่านงานของเราเยอะขนาดนี้ก็ปลาบปลื้มรู้สึกดีค่ะ คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีอย่างนี้อีกแล้ว มันทำคนตามหาเรื่องอื่น ไปด้วย คิดว่าน่าจะไปด้วยกันมากกว่าเพราะว่าถ้าเกิดหนังสือของรอมแพงเป็นที่นิยมขึ้นมา หนังประเภทเดียวกันก็น่าจะขึ้นมาด้วย เหมือนพอย้อนยุค ข้ามภพ นิยมก็ลองไปหาของคนอื่นอ่านดูว่าเป็นอย่างไรน่าจะเสนอเหมือนกัน ก็จะไปด้วยกันประมาณนั้นค่ะ"

_ERT6510

กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในรัชสมัยพระนารายณ์มหาราช ครองราชสมบัติคือยุคที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด ทั้งเรื่องของการค้าขาย การติดต่อกับต่างชาติ ซึ่งเป็นยุคทอง ที่รอมแพงมองเห็นถึงสีสันของบ้านเมืองในยุคนั้น จึงนำมาบอกเล่าผ่านนิยายเรื่องนี้ ด้วยการค้นคว้าข้อมูลนานถึง 3 ปี

สำหรับการทำงานของรอมแพงตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสุข สนุกสนาน สาระและแง่คิดที่แฝงไว้ในการเขียนซึ่งจะไม่ชี้ชัดว่าตัวละครใดร้าย ดี อย่างไร แต่จะให้ผู้อ่านเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง นี่คือนิยามที่เธอพอจะจำกัดในการประพันธ์ของเธอให้ฟัง

ซึ่งถ้าผู้อ่านอยากเข้าไปพูดคุยกับนักเขียนคนนี้ก็สามารถ ติดตามเธอได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก รอมแพง ได้เลย