สยามแก๊สยันก๊าซลอยตัวไม่กระทบ

สยามแก๊สยันก๊าซลอยตัวไม่กระทบ

"สยามแก๊ส" เผยนโยบายลอยตัวก๊าซแอลพีจี ไม่ส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญ เตรียมงบลงทุนปีนี้ 800 ล้านบาท ขยายปั๊ม

นางจินตณา กิ่งแก้วรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยผ่านอีไฟแนนซ์ไทยว่า จากกรณีที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ปรับโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อให้สะท้อนต้นทุนแท้จริง หรือการลอยตัวราคา LPG จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ เป็นผู้รับซื้อจากโรงกลั่นไปขายให้กับผู้บริโภค ซึ่งการลอยตัวราคาก๊าซ จะทำให้ราคาขายหน้าโรงกลั่นสูงขึ้นจากเดิมที่ 333 ดอลลาร์ต่อตัน เป็น 498 ดอลลาร์ต่อตัน ทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้น แต่ก็ถูกหักลบด้วยการยกเลิกนำส่งเข้ากองทุนน้ำมัน 1 บาทต่อกิโลกรัม

"ต้นทุนของเรา คือ ราคาหน้าโรงกลั่น และยังมีภาระนำเงินไปจ่ายให้กับกองทุนน้ำมัน 1 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อลอยตัวราคาก๊าซ จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็ตัดภาระต่อกองทุนน้ำมันออกไป ซึ่งดูแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักเพียงแค่สลับฝั่งการชดเชยระหว่างผู้ผลิตกับกองทุนน้ำมัน ดังนั้นการลอยตัวแอลพีจี จึงไม่ส่งผลบวกหรือลบใดๆ กับบริษัท กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จะเป็นพวกโรงกลั่นมากกว่า" นางจินตณา กล่าว

ด้านแผนการลงทุนปีนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนราว 800 ล้านบาท เพื่อขยายสถานีบริการก๊าซอีก 5 แห่ง จากสิ้นปี 2557 ที่มีอยู่ราว 40 แห่ง โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะรวมถึงการพัฒนาโรงถังก๊าซเดิม ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกด้วย ส่วนเป้าหมายผลการดำเนินงานปีนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผันผวน เพราะราคาก๊าซจะขึ้น-ลง ในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน

ทั้งนี้ บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า การปรับราคาหน้าโรงแยกก๊าซ ส่งผลบวกต่อ ปตท. เพราะที่ผ่านมาขายราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิตก๊าซแอลพีจี จากโรงแยกก๊าซอยู่ที่ราว 500 ดอลลาร์ต่อตัน (หรือราว 16.1 บาทต่อกิโลกรัม) และได้ปรับเพิ่มสมมติฐานราคาขายแอลพีจี หน้าโรงแยกก๊าซเป็น 500 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งจะส่งผลให้กำไรในปี 2558-2559 จะเพิ่มขึ้นราว 11.1% และ 10.3% จากเดิม ตามลำดับ และเพิ่ม Fair Value ขึ้นอีก 20 บาทต่อหุ้น ราคา ปตท. จะอยู่ที่ 395 บาท ซึ่งใช้เป็น Fair Value ใหม่ของปีนี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นบวกที่จะเพิ่ม Fair Value ในอนาคตได้อีก คือ โอกาสที่จะปรับเพิ่มราคาขายปลีกเอ็นจีวี ได้อีก 3 บาทต่อกิโลกรัม (เท่ากับต้นทุนของปตท.) ภายใต้นโยบายของรัฐปัจจุบัน ที่ต้องยกเลิกการอุดหนุนราคาก๊าซทั้งหมด จะทำให้ Fair Value ของปตท. เพิ่มขึ้นได้อีก 24 บาทต่อหุ้น อยู่ที่ 419 บาท ซึ่งฝ่ายวิจัยจะรวมในประมาณการและ Fair Value หลังจากที่รัฐบาลมีการประกาศแผนการปรับเพิ่มราคาเอ็นจีวี ชัดเจนอีกครั้ง จึงแนะนำให้ทยอยสะสมปตท. เพื่อรอรับประเด็นบวกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ส่วน บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองเช่นกันว่า จะส่งผลบวกต่อปตท. เพราะจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นปีละ 10,000 ล้านบาท ส่วนโรงกลั่นอย่างไทยออยล์ และเอสโซ่ จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นราคาเพียง 2% ขณะที่พีทีที โกลบอล เคมีคอล หรือ PTTGC ได้ประโยชน์จากการยกเลิกการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 1 บาท/กิโลกรัม หรือคิดเป็น 600-700 ล้านบาท ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นมารับข่าวนี้บ้างแล้ว ระวังแรงขายระยะสั้น แต่ ปตท.จะยังมีข่าวดีรออยู่ข้างหน้าคือการปรับ NGV อีกรอบ