'พุทธะอิสระ'แจงปมรับผลประโยชน์ปตท.ทรยศปชช.

'พุทธะอิสระ'แจงปมรับผลประโยชน์ปตท.ทรยศปชช.

"พุทธะอิสระ" แจงปมครหา รับผลประโยชน์ เข้าข้างปตท. ทรยศประชาชน ลั่นไม่ถอดใจไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร

เฟซบุ๊คของหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้โพสต์ข้อความวันนี้ (9ต.ค.) ระบุถึงความมุ่งมั่นที่จะหาทางออกเรื่องการปฏิรูปพลังงานต่อไป แม้ว่าจะถูกต่อว่าในหลายประเด็นก็ตาม

พุทธะอิสระ ระบุว่าหรือว่าคนจะตายเพราะน้ำลายชาวบ้านวันเสาร์ที่ ๔ ต.ค. ๕๗ หลังจากบรรดาแกนนำแต่ละจังหวัดมาร่วมงานวันเกิดแม่ ตอนบ่ายฉันเชิญประชุมเพื่อเตรียมหัวข้อเสวนาพลังงานรอบ ๔ ที่ศาลาวัดอ้อน้อย ซึ่งทางฟากผลประโยชน์พลังงานขอเลื่อนออกไป

ฉันเปิดโอกาสให้ทุกคนพูดถึงมุมมองของแต่ละคน ผลปรากฏว่า แต่ละคนได้อธิบายถึงสิ่งที่ตนคิด และได้รับผลกระทบจากการที่ฉันทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการเสวนาพลังงานที่หอประชุมสโมสรกองทัพบก ซึ่งโดนกล่าวหาว่า รับผลประโยชน์ เข้าข้าง ปตท. ทรยศประชาชน

และด้วยข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงเช่นนี้ ผลกระทบจึงเกิดขึ้นแก่แกนนำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งโดนด่า โดนตำหนิ โดนโจมตี ดูถูกเหยียดหยาม ที่พรั่งพรูเข้ามาหาฉัน แล้วพวกแกนนำเป็นเดือดเป็นแค้นออกไปรับแทน อีกทั้งแต่ละจังหวัดกลัวว่าจะเสียมวลชน จึงได้ขอร้องให้ฉันวางมือจากการต่อสู้เรื่องพลังงาน เพราะภาคที่เวทีแจ้งวัฒนะของพวกเราที่เป็นยอมรับ แต่พอฉันมาจัดเสวนาเรื่องพลังงาน กลับมีผลสะท้อนกลับมาเป็นลบ ทำให้บรรดาแกนนำบางคนจึงรู้สึกกังวลว่า หากขืนทำต่อไปจะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย

ฉันตอบพวกเขาว่า ชั่วชีวิตฉันไม่เคยคิดจะรักษาภาพลักษณ์ แต่ฉันจะให้ความสำคัญต่อการรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่า หากเป็นเพราะน้ำลายลมปากของชาวบ้านที่ไม่เข้าใจเรา แล้วทำให้เราหยุดเดินหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่คนทั้งชาติ เช่นนั้น สู้ให้ฉันตายเสียดีกว่า ฉันยังจะสมควรเรียกขานตนเองว่าพญาราชสีห์อีกกระนั้นหรือ ถ้าแค่ฟองน้ำลายและลมปากชาวบ้านเป็นเหตุให้ฉันต้องหยุดสู้ และฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร หากเราเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์ยากเดือดร้อนของผู้คนที่ร่วมต่อสู้กันมา ว่าพวกเขามุ่งหวังอะไรในตัวเรา แล้วฉันจะกล้าทำให้พวกเขาผิดหวังได้กระนั้นหรือ หากพวกแกนนำมาขอร้องให้ฉันหยุดเพราะเป็นห่วงฉัน ฉันขอบอกว่าขอบคุณ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ยังไงฉันยังเชื่อในคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงสอนว่า

“สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ รู้ได้เฉพาะตน ไม่ใช่ด้วยลมปากชาวบ้าน”

“ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ใครจะว่าฉันละเลยสมบัติของชาติ ปล่อยให้กลุ่มผลประโยชน์พลังงานสวาปามกัน กินกันอ้วนพลี ฉันก็อยากถามว่า สิบกว่าปีที่พวกคุณสู้มา ทำอะไรกันอยู่ แล้วสิ่งที่พวกคุณทำมันสามารถทวงคืนสมบัติชาติกลับคืนมาให้คนไทยได้หรือเปล่าล่ะ ทำไมไม่ทบทวนวิธีการให้เหมาะสมเข้ากับสถานการณ์ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนเอาไว้ว่า สัตบุรุษ คนมีปัญญา ควรจะต้องรู้เหตุ รู้ผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักสถานที่ รู้จักบุคคล และรู้จักชุมชน

ฉันโดนบรรพบุรุษสั่งสอนมาเช่นนี้ ฉันจึงรู้ว่าเวลา สถานที่ ชุมชน บุคคล เหตุและผล ควรจะทำอะไรก่อนหลัง นั่นเป็นเพราะฉันรู้จักประมาณตนเอง เอาประโยชน์ของชาติ ประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาความสะใจ ถูกใจ แต่ไม่ถูกกาลเทศะ

ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีต่อสู้เรื่องพลังงานฟอสซิลตามสไตล์ของฉัน หากอยากรู้ พวกคุณต้องตามดูกันต่อไป แต่ถ้าไม่อยากรู้แล้วใช้บรรทัดฐานของตนเองมาด่วนสรุป เช่นนั้น ฉันคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม

ที่จริงยังไม่ควรต้องมาอธิบายความว่า การที่ฉันมุ่งหวังไปที่พลังงานทางเลือก แล้วเลียบเคียงให้กลุ่มผลประโยชน์พลังงานเสียสละผลกำไรของตนที่ไม่เกี่ยวกับภาษีค่าภาคหลวง และเงินส่วนแบ่งที่รัฐพึงได้ ขอให้ทุกบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์จากสมบัติของคนไทย นำกำไรส่วนหนึ่งมาอุดหนุนค้นคว้าวิจัย สร้างพลังงานทางเลือก ทดแทนพลังงานฟอสซิลที่พวกเราใช้ไปในรูปแบบของการให้เปล่าแก่ทุกจังหวัดของประเทศไทย เพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานในประเทศขาดแคลนเหมือนดังประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ที่ต้องสลับกันเปิดปิดไฟในแต่ละจังหวัด

การสู้เรื่องพลังงานของฉันครั้งนี้ ฉันต้องมั่นใจว่า อนาคตลูกหลายไทยต้องมีพลังงานใช้อย่างยั่งยืน

ส่วนนักสู้กลุ่มใดคิดว่าตนมีวิธีอื่นๆที่ดีกว่า ขอให้ช่วยๆกัน เพราะคุณไม่ได้ทำเพื่อฉัน ฉันก็ไม่ได้ทำเพื่อคุณ วิธีไหนก็ได้หากจะทำให้บ้านเมืองมีพลังงานใช้ได้โดยไม่ขาดแคลน อย่างยั่งยืน ถือว่าดีทั้งนั้น

และสุดท้าย ท้ายสุด ต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้ ฉันรับรอง รับปากกับพวกคุณว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง ฉันไม่ถอดใจไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร ยกเว้นฉันจะตายหรือไม่มีใครร่วมมืออีกแล้ว

พุทธะอิสระ

๙ ตุลาคม ๒๕๕๗