'เวนิส' ขอคิดใหม่! ก่อนเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยว

'เวนิส' ขอคิดใหม่! ก่อนเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยว

การระบาดของไวรัส 'โควิด-19 กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง 'เวนิส' หลังจากทางการอิตาลีเตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม ชาวเวนิสและกลุ่มอนุรักษ์เรียกร้องให้มีการทบทวนแนวทางในรับนักท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงคนท้องถิ่นและความยั่งยืนให้มากขึ้น

 

นักเดินทางหลายคนคงดีใจแกมสงสัยที่เห็นข่าวว่า ทางการอิตาลีเตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 พร้อมจะเปิดประเทศให้เดินทางเข้าและออกประเทศได้ ตั้งแต่ 3 มิถุนายนเป็นต้นไป อิตาลีประกอบด้วยหลายเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในฝันของนักท่องเที่ยว เช่น โรม ฟลอเรนซ์ มิลาน และ เวนิส ก่อนโควิดระบาด เมืองเหล่านี้คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

รัฐบาลอิตาลีประกาศเรื่องนี้เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นอิตาลีมีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในอันดับ 5 รองจาก สหรัฐอเมริกา รัสเซีย อังกฤษและสเปน เลยทำให้คนสงสัยว่า ในเวลาที่เหลือประมาณครึ่งเดือนนี้ ทางการอิตาลีจะมีมาตรการอะไรที่จะทำให้เปิดประเทศได้ในวันดังกล่าว ก่อนหน้านี้ อิตาลีเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดก่อนที่จะโดนสหรัฐฯ แซงหน้าไป นายกรัฐมนตรี จูเซปเป้ กอนเต แห่งอิตาลียืนยันว่าประชาชนในประเทศจะสามารถเดินทางระหว่างเมืองได้ตามปกติ แม้จะมีบางแคว้นที่แสดงความกังวลเพราะเกรงว่าจะเกิดการระบาดระลอก 2 ก็ตาม

อิตาลีเป็นประเทศแรกในยุโรปที่มีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์และคุมเข้มทั่วประเทศตั้งแต่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 และเพิ่งมีการผ่อนคลายมาตรการบางอย่างเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อให้โรงงานและสวนสาธารณะได้เปิดทำการ และอนุญาตให้ร้านค้าเปิดให้บริการได้ตามปกติ รวมทั้งประชาชนสามารถออกจากบ้านและเดินทางภายในภูมิภาคได้ในวันที่ 18 พฤษภาคม

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ถึงแม้ว่าห้างร้านและแหล่งชอปปิงต่างๆ กลับมาเปิดทำการอีกครั้งหนึ่งแต่ก็ยังเงียบเหงา เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาที่อิตาลีได้ ทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ พากันตั้งคำถามว่า จะเปิดให้ใครมาชอปปิงในเวลานี้ กระทรวงการท่องเที่ยวของอิตาลีรายงานว่า ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวมาที่อิตาลีประมาณ 30 ล้านคนและทำรายได้ให้แก่ธุรกิจในประเทศราว 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

 

4 (8)

 

แมทเทโอ เซ็กชี่ หัวหน้ากลุ่มท่องเที่ยวเวเนเซียกล่าวว่า เวนิสเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่านักท่องเที่ยวอิตาลีเอง นักท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักอีกครั้งก็ต่อเมื่อมีการเปิดชายแดนให้กับนักท่องเที่ยวนานาชาติ ในขณะที่ จน ดา มัสโต หัวหน้ากลุ่มเอ็นจีโอ ‘We Are Here Venice’ ซึ่งต่อสู้เพื่อให้ทางการเวนิสเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนให้สัมภาษณ์ว่า เธอไม่ต้องการให้การท่องเที่ยวเวนิสกลับไปเป็นเหมือนก่อนเกิดการระบาด องค์กรของเธอทำการรณรงค์ให้นำเรือสำราญออกไปจากอ่าวที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศึกษาทางเลือกเพื่อป้องกันน้ำท่วมเมืองเวนิส

เจนกล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเมือง

“เวนิสที่ฉันฝันไว้เป็นเช่นในปัจจุบัน คือไม่มีนักท่องเที่ยวมากนัก แต่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่านี้ ปัญหาของเวนิสไม่ใช่ขาดแคลนนักท่องเที่ยว แต่ขาดคนอยู่อาศัยมากกว่า ถ้ามีคนอาศัยมากกว่านี้ เมืองจะสามารถสะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ได้มากกว่านี้

ก่อนหน้านี้ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวที่ล้นเมืองทำให้คนอิตาเลียนในพื้นที่ต้องอพยพออกไปอยู่นอกเมือง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประชากรของเวนิสมีประมาณ 175,000 คนแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 52,000 คนเท่านั้น กล่าวกันว่า อิตาลีตกเป็นเหยื่อของความมีชื่อเสียงและการเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของตนเอง แมทเทโอกล่าวว่า ไวรัสนี้ทำให้เกิดการปิดเมืองและเมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวก็ทำให้เห็นว่า จำนวนประชากรของเวนิสเองมีน้อยมาก

เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ทางการอิตาลีขู่ที่จะห้ามเรือสำราญไม่ให้เข้าจอดที่ท่าเรือที่อยู่ใกล้ย่าน St Mark’s Square ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเวนิสที่ทุกคนต้องมา หลังจากประสบปัญหาด้านนิเวศวิทยาอย่างหนักในคลองต่างๆ ในตอนนั้น ทางการตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างยากลำบาก เพราะนั่นหมายถึงคนหลายพันคนต้องตกงาน แต่ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ปีนี้ ไวรัสโควิดก็เข้ามาช่วยตัดสินใจคือ ทำให้ทุกอย่างรวมทั้งการท่องเที่ยวหยุด

แมทเทโอกล่าวว่า การแพร่ระบาดที่ทำให้อิตาลีเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดประเทศหนึ่งทำให้ทางการตัดสินใจยกเลิกงานคาร์นิวัลใหญ่ประจำปีเป็นครั้งแรก

ในขณะเดียวกัน เมลลิสซา คอนน์ ผู้อำนวยการสาขาเมืองเวนิสของ Save Venice ซึ่งทำงานรักษามรดกทางวัฒนธรรมของเมืองกล่าวว่า เรากำลังเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส 

“เรามองว่า การท่องเที่ยวหลังการระบาดของไวรัสจะเป็นแบบช้าๆ ไม่เหมือนแต่ก่อน เรามั่นใจว่า เราช่วยสร้างและช่วยคิดสิ่งใหม่ๆ ให้กับเมืองได้” แต่เธอก็ยอมรับว่า การหายไปของการท่องเที่ยวแบบที่ต้องการนักท่องเที่ยวจำนวนมากจะทำให้ธุรกิจบางอย่างหายไป “เราต้องเห็นร้านค้าที่เงียบเหงาแน่นอน แต่ก็จำเป็นต้องทำ”

 

3 (9)

 

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนเวนิสจะเป็นผู้ที่ตัดสินใจว่า เมืองของพวกเขาจะเป็นอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้ แมทเทีย เบอร์โต เจ้าของธุรกิจโรงภาพยนตร์ในเวนิสเชื่อว่า เมืองของเขาจะหาจุดสมดุลได้ 

“ที่ผ่านมาเวนิสทำตัวเหมือนคู่รักในฝัน ให้และทำทุกอย่างที่ทุกคนต้องการโดยไม่ถามหรือขอคำมั่นสัญญาใดๆ แต่ตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับมาคิดใหม่ว่า อยากให้เวนิสเป็นอย่างไร ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาแก้ปัญหาระหว่างเวนิสที่ให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยว กับเวนิสที่ให้ความสำคัญกับคนเวนิสเองเพื่ออนาคตของเราเอง”