จรัส Light Fest เทศกาลแสงเจิดจรัสกลางแยกปทุมวัน
จรัส Light Fest : ศิลปะแสงกลางแจ้ง ครั้งแรกที่ผลงานศิลปะทุกชิ้นจะสว่างไสวด้วยไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
แสงไฟท้ายรถสีแดงที่ทอดยาวเรียงรายกระจายอยู่ทุกทิศบริเวณสี่แยกปทุมวันทุกค่ำคืน จุดประกายให้ศิลปินนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานประติมากรรมที่จะนำมาติดตั้งบริเวณลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในเทศกาล จรัส Light Fest : ศิลปะแสงกลางแจ้ง ครั้งแรกที่ผลงานศิลปะทุกชิ้นจะสว่างไสวด้วยไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
กฤช งามสม บอกเล่าถึงผลงาน Red Heart ที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับเทศกาล จรัส Light Fest ในระหว่าง 19 ธันวาคม 2562 – 2 กุมภาพันธ์ 2563 ว่าเป็นงานที่ท้าทายไม่น้อยเพราะว่าเป็นครั้งแรกที่จะใช้ไฟจากฟ้า หรือ พลังงานจากแสงอาทิตย์
4 ศิลปินรับเชิญ และลักขณา คุณาวิชยานนท์ ที่ปรึกษาโครงการ (ขวาสุด)
“ผมรู้สึกว่าตรงนี้รถติดช่วงเย็นๆ มองไปทุกทางเห็นแต่ไฟแดงเต็มไปหมด งานชิ้นนี้พูดถึงความไม่ปกติของพลังงานที่ถูกใช้ ผมจึงเลือกใช้ไฟท้ายของรถยนต์ทุกชนิดที่ใช้ในเมืองไทย นำมาประกอบกันใหม่เป็นรูปหัวใจสีแดง หัวใจดวงนี้จะขับเคลื่อนด้วยปีกซึ่งจะขยับได้ในตอนกลางวันโดยมีตัวโซล่าเซลล์ติดอยู่ที่ปีก ส่วนตอนกลางคืนจะประติมากรรมรูปหัวใจก็จะมีแสงไฟสีแดงพองโตขึ้น”
ในขณะที่ คมกฤษ เทพเทียน รู้สึกว่าลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครนี้เป็นลานสำหรับการแสดงออกทางความคิดที่แตกต่าง ดังนั้นเขาจึงเลือก หนอนบุ้ง มาเป็นตัวแทนทางความคิด
“หนอนบุ้ง ตัวมันค่อนข้างน่าเกลียดโดยเฉพาะเวลาที่มันเดิน แต่หลังจากที่มันเติบโตเป็นดักแด้แล้วท้ายที่สุดมันจะกลายเป็นผีเสื้อที่สวยงาม ผมจึงทำหนอนตัวนี้ขึ้นมาให้มันเดินอยู่หน้าหอศิลป์
ช่วงกลางวันจะเดินอย่างเดียว แต่ช่วงกลางคืนตัวเขาจะมีแสงไฟจากหลอดไฟแอลอีดี 7 สี เป็นการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกัน เมื่อไหร่ที่สังคมเรายอมรับความแตกต่างกันได้ ก็จะไม่ต่างจากหนอนที่เติบโตกลายเป็นผีเสื้อที่สวยงาม”
ศิลปินกล่าวว่า กลางวันอาจจะเป็นหนอนตัวดำๆ ในขณะที่กลางคืนจะกลายเป็นหนอนเจ็ดสี ด้วยเหตุนี้เขาจึงตั้งชื่อว่า หนอนสีรุ้ง
หนอนสีรุ้ง โดย คมกฤษ เทพเทียน
การนำศิลปะมาเล่าเรื่องพลังงานทางเลือกในเทศกาล จรัส Light Fest : ศิลปะแสงกลางแจ้ง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการจรัส :แสงสร้างสรรค์ ดำเนินการโดยมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน พ.ศ. 2562
ลักขณา คุณาวิชยานนท์ ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวถึง การนำศิลปะมาเป็นฐานในการเรียนรู้เรื่องพลังงานว่า ในกิจกรรมแรกได้เปิด จรัส Lab : ศูนย์เรียนรู้เรื่องพลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ บริเวณชั้น 3 ของหอศิลปะกรุงเทพฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สำหรับเป็นพื้นที่การเรียนรู้กึ่งถาวรนำเสนอนิทรรศการว่าด้วนความรู้ความเข้าใจเรื่องพลังงานและพลังงานทางเลือก พลังงานแสงอาทิตย์ รวมไปถึงแนวทางการพัฒนาพลังงานทางเลือกในอนาคต โดยจะมีกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนทางความคิด และศิลปะประดิษฐ์ให้เด็กๆได้สนุกกับแสงสีสวย
“จุดมุ่งหมายในการนำศิลปะเข้ามาเป็นตัวจุดประกายให้ผู้คนหันมามองเห็นความสำคัญของพลังงานทางเลือก อย่างน้อยก็ช่วยกันยืดอายุของโลกให้ยาวขึ้น ทั้งนี้ผลประโยชน์ทั้งหมดไม่ได้ไปไหนตกอยู่ที่เราทุกคนนี่เอง
การชวนศิลปินมาทำงานโดยตั้งโจทย์ให้โฟกัสในเรื่องการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานศิลปะนั้นเป็นเพราะเราอยากนำเสนอให้เห็นว่า นอกจากแผงโซล่าร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ที่เราคุ้นเคยกันนั้น ยังมีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ได้ในรูปแบบอื่นๆ เช่น งานสร้างสรรค์ได้
ผลงานศิลปะในเทศกาลนี้ต้องการสื่อสารประเด็น’พลังงาน’ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน ซึ่งเราทุกคนต้องหันมามองกันแล้วว่าเราจะอยู่กันอย่างไรต่อไป
ขณะเดียวกันเป็นงานศิลปะที่เข้าถึงง่าย ไม่ได้รู้สึกว่ายัดเยียดข้อมูลมากเกินไป แต่อยากให้ฉุกคิดว่า เกิดอะไรขึ้น นำไปสู่การตั้งคำถาม นี่คือ สิ่งที่เราหวังไว้” ลักขณาบอกกับเรา
ศิลปิน : วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์
สำหรับเทศกาลจรัส Light Fest : ศิลปะแสงกลางแจ้ง จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคม 2562 ไปจนถึง 2 กุมภาพันธ์ 2563 โดยจะมีผลงานประติมากรรมจัดแสดงตั้งแต่บริเวณทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสถานีสนามกีฬาแห่งชาติกับหอศิลปกรุงเทพฯ ผลงานของ นพไชย อังคะวัฒนะพงษ์ ที่นำเอาเศษขยะหลอดนีออนมาสร้างสรรค์เป็นประติมากรรมชิ้นใหม่ที่ เปรียบเสมือนการสร้างชีวิตใหม่ให้กับของเหลือใช้ โดยเพิ่มคุณค่าความสว่างไสวด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่ล้วนหมุนเวียนกลับมาใช้ได้เช่นกัน
ผลงานของศิลปินท่านนี้จะเชื่อมต่อไปยังห้องจรัส Lab ภายในหอศิลป์กรุงเทพฯ
ส่วนประติมากรรมศิลปะแสงของศิลปิน ได้แก่ กฤช งามสม พงษ์ธัช อ่วยกลาง วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ และ คมกฤษ เทพเทียน เป็นต้น จัดแสดงอยู่บริเวณลานด้านหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ
พบกับจรัส Light Fest เทศกาลแสงเจิดจรัสกลางแยกปทุมวัน 19 ธันวาคมนี้