"บากบั่น-ฐานเศรษฐกิจ" ยันทำหน้าที่สื่อสุจริต ถูกฟ้องเสนอข่าว ป.ป.ช. ไต่สวนปม กมธ.งบฯ

"บากบั่น-ฐานเศรษฐกิจ" ยันทำหน้าที่สื่อสุจริต ถูกฟ้องเสนอข่าว ป.ป.ช. ไต่สวนปม กมธ.งบฯ

"บากบั่น" ยัน "ฐานเศรษฐกิจ" ทำหน้าที่สื่อสุจริต หลัง "อนุรักษ์" ส.ส.เพื่อไทย ฟ้องเหตุเสนอข่าว ป.ป.ช. ไต่สวนปม กมธ.งบฯ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

นายบากบั่น บุญเลิศ ประธานกรรมการบริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด และบรรณาธิการอำนวยการ ฐานเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ได้รับหมายศาลจากเจ้าหน้าที่ กรณีนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร เขต 1 พรรคเพื่อไทย ฟ้อง บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด จำเลยที่ 1 และตัวเองเป็นจำเลยที่ 2 ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากการนำเสนอข่าวคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ที่มีการประชุมพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 กรม คือ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมทรัพยากรน้ำ

นายบากบั่น ยืนยันว่า ฐานเศรษฐกิจได้ทำหน้าที่สื่อมวลชน นำเสนอข่าวจริง เพื่อนำเสนอข่าวสารให้ประชาชนรับทราบความผิดปกติเกี่ยวคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ดังกล่าว และการรายงานข่าว เป็นการแถลงข่าวของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งโดยไม่มีเจตนาให้ร้าย ปฏิบัติหน้าที่สื่ออย่างซื่อสัตย์และสุจริต

ทั้งนี้ คำฟ้องของนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร เขต 1 พรรคเพื่อไทย ระบุว่า กรณีเว็บไซต์ของฐานเศรษฐกิจ www.thansettakij.com นำเสนอข่าว เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 " ป.ป.ช.ฟัน “ส.ส.เพื่อไทย” ตบทรัพย์ 5 ล้าน แลกผ่านงบกรมทรัพยากรน้ำบาดาล " เนื้อหาระบุว่า วันนี้ (1ต.ค.64) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงถึงกรณี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวในที่ประชุมอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ที่มีการประชุมพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 กรม คือ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมทรัพยากรน้ำ ว่ามีอนุกรรมาธิการ (อนุ กมธ.) บางคนโทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณให้นั้น

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ป.ป.ช. ได้มีการสั่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย และ นางนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ โดยจากการไต่สวน นายศักดิ์ดาให้ข้อมูลว่า นายอนุรักษ์ ได้เรียกรับเงินทางโทรศัพท์ โดยมี นางนันทนา เป็นผู้โทรศัพท์ประสานงาน

ทั้งนี้จากการไต่สวนและการเช็คข้อมูลจากโทรศัพท์ ช่วงระยะเวลาที่มีการโทร เจือสมพยานหลักฐาน จึงเชื่อได้ว่า นายอนุรักษ์ ได้มีการเรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดา จริง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/5 ฐานเรียกรับ ยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อตัวเองโดยไม่ชอบ

และยังเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตราฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ

ในคำยื่นฟ้อง ระบุว่า นายอนุรักษ์ ไม่ได้เรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ตามที่เผยแพร่ข่าวแต่อย่างใด ซึ่งการทําหน้าที่ของโจทก์ในฐานะเป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ แผนงานบูรณาการ 2 คนที่หนึ่ง ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เป็นไปด้วยชอบด้วยกฎหมายและเพื่อให้การใช้งบประมาณของทางราชการเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า การที่จําเลยทั้งสองร่วมกันลงข่าวเผยแพร่ ซึ่งมีสาธารณชนติดตามข่าวของจําเลยที่ ๑ จํานวนมาก เมื่อมีผู้อ่านข่าวที่ จําเลยทั้งสองเผยแพร่ย่อมทําให้บุคคลที่อ่านข่าวเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี และเป็นคนที่ประพฤติผิด ฐานเรียกรับเงิน ทรัพย์สินจากนายศักดิ์ดา ฯ ทําให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทําให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

ขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจาก จําเลยทั้งสองเป็นเงินจํานวน 1 ล้านบาท และขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให้จําเลยทั้ง สองประกาศหรือลงข้อความข่าวขอโทษโจทก์ผ่านทางสํานักข่าวของจําเลยทั้งสองทั้งทางสื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ด้วยค่าใช้จ่ายของจําเลยทั้งสองเอง โดยโจทก์จะเสนอพยานหลักฐานต่างๆ ในชั้นไต่ สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณาต่อไป

ต่อมา ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้ประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2564 และนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 30 พ.ค. 2565