สมบัติ 21 ล้าน! “พ.ต.ท.กรวัชร์” พ้นอธิบดีดีเอสไอ สะสมพระเครื่อง 1,000 องค์

สมบัติ 21 ล้าน! “พ.ต.ท.กรวัชร์” พ้นอธิบดีดีเอสไอ สะสมพระเครื่อง 1,000 องค์

เปิดทรัพย์สิน 21 ล้าน! “พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร” พ้นเก้าอี้ “อธิบดีดีเอสไอ” หมาด ๆ เก็บเงินสด 2 แสน สะสมปืน 6 กระบอก มี “แผนที่เก่า” 1,000 ใบ 5 แสน “แผ่นป้ายโลหะเก่า” 500 แผ่น 5 แสน พระเครื่อง 1,000 องค์ 1 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2564 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงหลายราย รายชื่อน่าสนใจ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร กรณีพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา

พ.ต.ท.กรวัชร์ แจ้งมีทรัพย์สิน 12,462,579 บาท ได้แก่ เงินสด 2 แสนบาท เงินฝาก 920,180 บาท เงินลงทุน 1,454,196 บาท ที่ดิน 4,370,800 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1.7 ล้านบาท ยานพาหนะ 944,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 711,842 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 2,161,560 บาท ไม่มีหนี้สิน

มีรายได้ต่อปีโดยประมาณ 1,980,692 บาท เป็นเงินเดือน 1,938,092 บาท เบี้ยประชุม 42,600 บาท มีรายจ่ายรวม 447,546 บาท เป็นเงินสะสมที่จ่ายเข้า กบข. 27,546 บาท ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค 4.2 แสนบาท แจ้งเงินได้พึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร ตามข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา 1,980,692 บาท

ส่วนนางสิริพันธุ์ ปานประภากร คู่สมรส มีทรัพย์สิน 8,598,104 บาท ได้แก่ เงินฝาก 473,104 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 7 ล้านบาท ยานพาหนะ 60,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,065,000 บาท แจ้งไม่มีรายได้ และรายจ่าย

รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 21,060,683 บาท ไม่มีหนี้สิน

สมบัติ 21 ล้าน! “พ.ต.ท.กรวัชร์” พ้นอธิบดีดีเอสไอ สะสมพระเครื่อง 1,000 องค์

ทรัพย์สินที่น่าสนใจ พ.ต.ท.กรวัชร์ สะสมปืน 6 กระบอก ทั้งปืนออโตเมติก CZ92 ปืนซิกซาวเออร์ พี 320 ปืนซิกซาวเออร์ 9 มม. ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 9 มม. ยี่ห้อ Glock ปืนรีวอลเวอร์ .38 นอกจากนี้ยังสะสม แผนที่เก่า 1,000 ใบ มูลค่ารวม 5 แสนบาท แผ่นป้ายโลหะเก่า 500 แผ่น มูลค่า 5 แสนบาท พระเครื่อง 1,000 องค์ มูลค่า 1 ล้านบาท ป้ายสังกะสี (ของสะสม) ประมาณ 20 ป้าย มูลค่า 15,000 บาท เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2555 พ.ต.ท.กรวัชร์ เป็นผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ ปี 2558 เป็นผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ ปี 2559 เป็นผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ ปี 2560 ขึ้นรองอธิบดีดีเอสไอ ปี 2563 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม และได้เลื่อนขั้นเป็นอธิบดีดีเอสไอในเวลาต่อมา