“นิโรธ”สายแข็ง ลุยหักไม่ยอมงอ ต้นตอสภาล่ม - วิปวงแตก

เหตุการณ์การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ล่มไม่เป็นท่า 2 ครั้งติดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณต่อเสถียรภาพของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากมีการพิจารณากฎหมายสำคัญ “ขั้วรัฐบาล” คุมเกมกันไม่อยู่จะกระทบไปยังสถานะของรัฐบาลทันที

สำหรับสถิติการประชุมสภาฯ ชุดที่ 25 ตั้งแต่ปี 2562 เกิดเหตุสภาฯล่มแล้ว 12 ครั้ง ครั้งแรก 24 กรกฏาคม 2562 องค์ประชุมไม่ครบ หลังเปิดให้ ส.ส.หารือ ก่อนเข้าประชุม, ครั้งที่ 2 เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2562 และ ครั้งที่ 3 เมื่อ 28 พฤศจิกายน ระหว่างวาระพิจารณาตั้งกมธ.วิสามัญ เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่ง คสช.

ครั้งที่ 4 เมื่อ 8 กรกฏาคม 2563 ระหว่าง วาระรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศ ครั้ง 5 เมื่อ 30 มิถุนายน 2564 ระหว่างพิจารณา ร่างพ.ร.บ.วัตถุอันตราย (ฉบับที่...) พ.ศ... ครั้งที่ 6 เมื่อ 1 กรกฏาคม 2564 ระหว่างจะพิจารณาญัตติด่วนแก้โควิด

ครั้งที่ 7 เมื่อ 10 กันยายน 2564 ประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ....

ครั้งที่ 8 เมื่อ 17 กันยายน 2564 ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ, ครั้งที่ 9 เมื่อ 3 พฤศจิกายน 2564 ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพยาน ครั้งที่ 10 เมื่อ 17 พฤศจิกายน ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เครื่องสำอาง (ฉบับที่...) พ.ศ....

ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยและคณะเป็นผู้เสนอ และ ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ระหว่างการลงมติ รายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานกมธ.ฯ พิจารณาแล้วเสร็จ

เบื้องหลังเหตุการณ์สภาฯล่ม เมื่อ 17 ธันวาคม ต้องยอมรับว่า “ขั้วฝ่ายค้าน” ไม่ทำตามข้อตกลง เรื่องการพิจารณารายงาน ที่ตกลงว่าไม่เคร่งครัดองค์ประชุม เพราะรายงานลุ่มน้ำเป็นของ ส.ส.ทุกฝ่ายในสภาฯ แต่ “ขั้วฝ่ายค้าน” โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย-พรรคก้าวไกล หักข้อตกลง ใช้เกมนับองค์ประชุม

ส่วน “ขั้วรัฐบาล” แจ้งว่าไม่ได้เคร่งเรื่ององค์ประชุม ส.ส. จึงลงพื้นที่ ทำให้ผลการแสดงตน เมื่อ 17 ธันวาคม มีคนกดบัตร ผู้กดบัตรแสดงตน รวม 230 คน และแสดงตนผ่านการขานชื่อ 5 คน รวมเป็นองค์ประชุม 235 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม

ทว่ารอยร้าวของ “ขั้วรัฐบาล” กับ “ขั้วฝ่ายค้าน” ในการประชุมสภาฯเริ่มมีปัญหาหนักข้อขึ้น ภายหลังที่ “นิโรธ สุนทรเลขา” ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ เข้ามารับตำแหน่งประธานวิปรัฐบาล เพราะด้วยบุคลิกของ “นิโรธ” ไม่ใช่คนที่จะมาเจรจาต่อรองเพื่อให้การทำงานราบรื่น แต่มักทำในสิ่งตรงข้าม

ว่ากันว่า “นิโรธ” มั่นใจว่ามาจากสายแข็ง สายตรง “ตึกไทยคู่ฟ้า” จึงเปิดปฏิบัติการยอมหักไม่ยอมงอ เปิดศึกกับ “ขั้วฝ่ายค้าน” เต็มรูปแบบ อาทิ เรื่องกระทู้ถามสด บางสัปดาห์รัฐมนตรีมาขอเลื่อนการตอบกระทู้ถามสด ทำให้ “ขั้วฝ่ายค้าน” ขอต่อรองให้เพิ่มการถามกระทู้ จากเดิม 3 กระทู้ เป็น 4 กระทู้ แต่ “นิโรธ” ทุบโต๊ะไม่ให้เพิ่มกระทู้ถามสด

แถมในยามมีปัญหา ประธานวิปรัฐบาลกลับไม่ปรากฏตัวมาเคลียร์ปัญหากับ “ขั้วฝ่ายค้าน” ด้วยตัวเอง แต่ส่งเวลาตัวแทนเข้าไปเจรจาแทน อาทิ “อรรถกร ศิริลัทธยากร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขาวิปรัฐบาล “ชินวรณ์ ​บุณยเกียรติ” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และบางครั้งใช้บริการของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย

ทำให้บรรยากาศการหารือร่วมกันของ “วิปรัฐบาล-วิปฝ่ายค้าน” ที่จะควบคุมการประชุมสภาฯตรึงเครียด ไม่มีผ่อนคลาย ไม่มีการประนีประนอม หากขั้วใดชิงจังหวะเล่นเกมดิสเครดิตขั้วตรงข้ามได้ ก็พร้อมที่จะทิ่มแทงกันตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน “ขั้วฝ่ายค้าน” ยังลับมีดรอไว้อีกหลายยก ว่ากันว่า หากมีกฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณาของสภา “ขั้วฝ่ายค้าน” อาจจะแสดงตนนับองค์ประชุม แต่เมื่อไรเข้าสู่การลงมติ อาจจะเล่นแร่แปรธาตุ ชิงจังหวะของนับองค์ประชุม จนเสี่ยงเกิดเหตุสภาล่มได้อีก

เกมในสภาหลังจากนี้ ไม่มีทางเดินในแนวทางสมานฉันท์อีกต่อไป แม้ “ขั้วรัฐบาล” เปิดโต๊ะเจรจากับ “ขั้วฝ่ายค้าน” แต่ทุกข้อเจรจาเต็มไปด้วยการต่อรองและเกมซ่อนเล็บชิงจังหวะเชือดเฉือนกัน

แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะยืนยันว่าอยู่ครบเทอม แต่หากไม่สามารถคุมเกมในสภาได้ การผ่านร่างกฎหมายสำคัญติดขัด โอกาสที่จะตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก็มีได้ทุกนาทีเช่นกัน ต้องไม่ลืมว่าเอฟเฟกจากศึกในพรรคพลังประชารัฐ ยังมีคนรอปิดเกม “ยุบสภา” อยู่ทุกจังหวะ