ชายหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ จัด Big cleaning เตรียมรับ นทท. ช่วงเทศกาลปีใหม่

ชายหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ จัด Big cleaning เตรียมรับ นทท. ช่วงเทศกาลปีใหม่

ชายหาดสมิหลาและชายหาดชลาทัศน์ จัดกิจกรรม Big cleaning Day แบบมีส่วนร่วม เก็บขยะจากทะเล เตรียมรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่กำลังจะมาถึง เพื่อให้ชายหาดทั้ง 2 แห่งมีความสะอาดสวยงาม ไร้ขยะจากทะเล

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 64 ที่บริเวณศาลาไทย แหลมสมิหลาสงขลา อำเภอเมืองจังหวัดสงขลา นายศรัญ บิลพัฒน์ นายกเทศมนตรีนครสงขลา เป็นประธานเปิดกิจกรรม Big cleaning Day แบบมีส่วนร่วม ซึ่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกับเทศบาลนครสงขลา จัดขึ้น

เนื่องจากขยะทะเล จัดเป็นหนึ่งในปัญหาที่ขาดการแก้ไขอย่างถูกต้องและจากสถานการณ์ที่ประเทศไทยถูกระบุว่ามีขยะทะเลมากเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยมีการทิ้งขยะ ลงสู่ท้องทะเล มากกว่า 1 ล้านตันต่อปี ส่วนใหญ่เป็นขยะพลาสติก มาจากการท่องเที่ยว การประมง ชุมชนชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นหน่วยงานหลักที่มีบทบาทภารกิจในการบริหารจัดการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการจัดงานในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อแก้ไขปัญหาและลดปริมาณขยะทะเลที่ตกค้างในระบบนิเวศน์

อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือของภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีคลื่นลมแรง ซัดเอาขยะจากทะเลขึ้นมากองรวมกันบริเวณชายหาด ทั้งขวดแก้วพลาสติก เศษกิ่งไม้ ท่อนไม้ซุงขนาดใหญ่ และเศษอวนจากเรือประมง ทำให้ชายหาดที่สวยงามเต็มไปด้วยขยะและสิ่งสกปรก ส่งผลต่อทัศนียภาพชายหาดที่สวยงาม และทำให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พื้นที่หาดสมิหลา หาดชลาทัศน์ ก็ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ปกคลุมบริเวณอ่าวไทย ทำให้คลื่นลมแรง

จากสถานการณ์ดังกล่าว สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้จัดโครงการบริหารจัดการขยะทางทะเล Big cleaning Day แบบมีส่วนร่วม ขึ้นเพื่อให้เห็นความสำคัญของปัญหาขยะทางทะเล เป็นสำคัญ และนำไปสู่จุดเริ่มต้นในการอนุรักษ์ หวงแหงนท้องทะเลไทย ให้มีความอุดมสมบูรณ์และยั่งยืนตลอดไป รวมทั้งเพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่กำลังจะมาถึง เพื่อให้ชายหาดทั้ง 2 แห่งมีความสะอาดสวยงาม ดังเดิม ไร้ขยะจากทะเล

โดยกิจกรรม Big cleaning Day แบบมีส่วนร่วม มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ จำนวนกว่า 200 คน