MAKRO เคาะราคาเพิ่มทุน 43.50 บาท เปิดจองวันแรก 4 ธันวาคม 2564 ผ่าน 3 ช่องทาง

MAKRO เคาะราคาเพิ่มทุน 43.50 บาท เปิดจองวันแรก 4 ธันวาคม 2564 ผ่าน 3 ช่องทาง

"แม็คโคร" เปิดราคาเสนอขายหุ้น PO ที่ 43.50 บาทต่อหุ้น ผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับสิทธิและนักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 4-9 ธันวาคม นี้ วางยุทธศาสตร์ธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีกเติบโตในระดับภูมิภาค พัฒนาแพลตฟอร์ม O2O รับยุคดิจิทัล

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Public Offering: PO) เปิดเผยว่า

ปัจจุบันแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ได้รับการอนุมัติ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับแล้ว โดยการเสนอขายหุ้น PO ครั้งนี้มีจำนวนไม่เกิน 1,300 ล้านหุ้น ประกอบด้วย

หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัท จำนวนไม่เกิน 910 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ CPH และบริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด หรือ CPM จำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 390 ล้านหุ้น

นอกจากนี้ อาจพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment shares หรือ กรีนชู) จำนวนไม่เกิน 130 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายแก่ประชาชนครั้งนี้

โดย MAKRO จะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจในไทย และต่างประเทศ ชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงินบางส่วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไป

ล่าสุด บมจ.สยามแม็คโคร กำหนดราคาเสนอขายของหุ้น PO ที่ 43.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมไม่เกิน 62,205 ล้านบาท (รวมมูลค่าของหุ้นส่วนเกิน) โดยเปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF ที่ได้รับสิทธิ และนักลงทุนรายย่อย ได้จองซื้อระหว่างวันที่ 4-9 ธ.ค.นี้

ขณะที่การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น PO ที่ 43.50 บาทต่อหุ้น ถือเป็นราคาที่ไม่สูง และมีความเหมาะสมด้วยเหตุผล 4 ประการ ได้แก่ (1) นักลงทุนทุกกลุ่มจะได้จองซื้อในราคาเดียวกัน ทั้งผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิได้รับจัดสรร ผู้จองซื้อรายย่อย นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors)

(2) สื่อสารและดำเนินการกับนักลงทุนทุกกลุ่มได้ง่าย โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยและผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิได้รับจัดสรร สามารถชำระเงินจองซื้อด้วยราคาเดียวกัน จึงลดปัญหากระบวนการคืนเงินจองซื้อ

(3) นักลงทุนจะได้จองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO ในราคาเดียวกับราคา Swap Price (ราคาแลกเปลี่ยน) ในช่วงที่ บมจ.สยามแม็คโคร ออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) เพื่อรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสจากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด เท่ากับเป็นการลงทุนเพื่อเริ่มเติบโตไปพร้อมกับบริษัท

และ (4) ราคาเสนอขาย 43.50 บาทต่อหุ้น ยังต่ำกว่าราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ที่หุ้นละประมาณ 47 บาท โดยมีส่วนลดประมาณ 7.5% และต่ำกว่าราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 1 เดือน ซึ่งอยู่ที่หุ้นละประมาณ 48 บาท โดยมีส่วนลดประมาณ 9.4%

ทั้งนี้ จำนวนหุ้นที่เสนอขายครั้งนี้ไม่เกิน 1,300 ล้านหุ้น และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินไม่เกิน 130 ล้านหุ้น ซึ่งทางบริษัท พิจารณาแล้วว่าเหมาะสม เนื่องจากหลังสิ้นสุดการเสนอขายหุ้น PO จะมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) เกินกว่า 15% ตามเกณฑ์ขั้นต่ำของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

และมีผลกระทบต่อสัดส่วนการถือครองหุ้น (Control Dilution) ของผู้ถือหุ้นเดิม และอัตรากำไรสิทธิต่อหุ้นของ MAKRO (EPS Dilution) น้อยกว่ากรณีที่มี Free Float เป็นจำนวนมากกว่านี้

ขณะที่การเสนอขายหุ้น PO ดังกล่าว ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำ จำนวน 14 ราย ที่ได้ลงนามในสัญญา Cornerstone Placing Agreement รวมทั้งสิ้นประมาณ 423 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 18,400 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 32.5 ของจำนวนหุ้น PO ที่เสนอขายครั้งนี้ (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)

ตอกย้ำถึงความมั่นใจของกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่มีต่อ บมจ.สยามแม็คโคร ที่เป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจค้าส่ง B2B และค้าปลีก B2C และมั่นใจว่าการเสนอขายในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF ที่ได้รับสิทธิและนักลงทุนรายย่อยเช่นกัน

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO สามารถจองซื้อผ่านแอพพลิเคชั่น Bangkok Bank Mobile Banking และแอพพลิเคชั่น SCB Easy

โดยสามารถจองซื้อตามสิทธิที่ได้รับจัดสรร เกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรร (ไม่กำหนดจำนวนจองซื้อสูงสุด) หรือน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากผู้จองซื้อได้รับการจัดสรรไม่ครบตามจำนวนที่จองซื้อ จะมีการคืนเงินให้แก่ผู้จองซื้อที่ได้รับจัดสรรไม่ครบตามจำนวนที่จองซื้อ

ทั้งนี้ บมจ.สยามแม็คโคร ได้กำหนดอัตราส่วนการใช้สิทธิ (Ratio) จองซื้อหุ้นสามัญของ MAKRO ดังนี้ (1) ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO ในอัตราส่วน 10 หุ้นสามัญของ MAKRO ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย

(2) ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPALL ในอัตราส่วน 15 หุ้นสามัญของ CPALL ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย และ (3) ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPF ในอัตราส่วน 70 หุ้นสามัญของ CPF ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย

โดยการจัดสรรจะดำเนินการโดยระบบคอมพิวเตอร์ของ บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (SETTRADE) โดยจะจัดสรรหุ้นตามสิทธิที่ได้รับแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายที่จองซื้อในรอบแรก และหากยังมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรตามสิทธิ

ในรอบถัดไปจะนำสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมของทั้ง 3 บริษัทที่แสดงความจำนงจองซื้อเกินกว่าสิทธิมารวมกัน และจะจัดสรรเพิ่มแก่ผู้จองซื้อเกินกว่าสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิม จนกว่าหุ้นจะหมดหรือครบตามจำนวนที่มีผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อ ซึ่งจะเป็นไปตามรายละเอียดตามที่เปิดเผยในไฟลิ่ง

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF ที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญสามารถตรวจสอบสิทธิที่ได้รับจัดสรรได้ทาง www.settrade.com และติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เวบไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย www.set.or.th

สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าวแก่ผู้จองซื้อรายย่อย จะจัดสรรหุ้นด้วยวิธี Small Lot First ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ของ บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (SETTRADE) โดยจองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น (Selling Agents) 3 ราย ได้แก่ (1) แอพพลิเคชั่น Bangkok Bank Mobile Banking (2) แอพพลิเคชั่น SCB Easy และ (3) แอพพลิเคชั่น TrueMoney Wallet โดยบริษัทหลักทรัพย์

เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) (KTBST SEC) ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถสอบถามข้อมูลการจองซื้อเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-090-9191 (ทุกวันเวลา 09.00-18.00 น.)

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร เปิดเผยว่า แม็คโคร และกลุ่มโลตัสได้วางยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตในระดับภูมิภาค เพื่อเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียด้านแพลตฟอร์มที่ผสานทุกช่องทางทั้งการค้าส่งแบบ B2B (Business to Business หรือการค้ากับผู้ประกอบการ) และค้าปลีกแบบ B2C (Business to Consumer หรือการค้ากับผู้บริโภค)

โดยการใช้ศักยภาพจากฐานธุรกิจในประเทศไทย สู่การขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียใต้และภูมิภาคอาเซียน โดยจะพัฒนาแพลตฟอร์ม O2O ที่เป็นการผสมผสานระหว่างช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ (offline and online หรือ O2O) เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

บริษัท จะให้การสนับสนุน SMEs และผู้ผลิตสินค้ารายย่อยของไทย ผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าไทยสู่ผู้บริโภคในระดับภูมิภาคและสร้างการยอมรับในมาตรฐานสินค้าไทยสู่ระดับสากล ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี

สนับสนุน SMEs ยกระดับธุรกิจให้ทันสมัยยิ่งขึ้นโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ และมุ่งพัฒนาระบบนิเวศออนไลน์ (Online ecosystems) ของการค้าปลีกรูปแบบใหม่ โดยให้บริการแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Marketplace) แบบ B2B

นอกจากนี้มีแผนลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้แก่ เวบไซต์ Makroclick.com แอพพลิเคชั่น Makro Application และ Makro Line Official Account

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ Lotus’s ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและสะท้อนการเป็น “SMART Retailer”

โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ชอปปิงผ่านช่องทางที่หลากหลาย (Omni-channel) ไร้รอยต่อ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคน (Personalization) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีภาพรวมที่ดีขึ้น มีผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น ภาพรวมเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว หลังจากเปิดประเทศ และผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะส่งผลดีต่อการเติบโตของกลุ่มโลตัส โดยภาพรวมอัตราการเช่าพื้นที่ภายในศูนย์การค้าปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้กลุ่มโลตัสได้มองเห็นโอกาสในช่วงโควิด-19 โดยการเปิดสาขา Lotus’s Go Fresh ซึ่งเป็นมินิซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อที่มีสินค้าครบครัน ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ของใช้ในบ้าน มุมกาแฟสดและเครื่องดื่ม รวมทั้งสินค้าทรู เพื่อตอบสนองพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

รวมถึงจะพัฒนาร้านค้าปลีกขนาดใหญ่พร้อมด้วยศูนย์การค้าของบริษัท ให้เป็น “Smart Community Hubs” ที่ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์การค้า แต่เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าทุกช่วงอายุและทุกความต้องการ สร้างประสบการณ์เลือกซื้อสินค้าที่สะดวกสบายและทันสมัย รวมถึงเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญเพื่อผู้ประกอบการใช้เป็นช่องทางเติบโตไปด้วยกัน

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์