คลัสเตอร์ร.ร.อนุบาลอุตรดิตถ์ ติดแล้ว 19 ราย

คลัสเตอร์ร.ร.อนุบาลอุตรดิตถ์ ติดแล้ว 19 ราย

นักเรียนและผู้ปกครอง รวมคนขับรถตู้รับส่ง โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์ ติดเชื้อโควิดแล้ว-19 ราย สสจ.อุตรดิตถ์ สั่งกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง 438 ราย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาอาจปิดเรียน 14 วัน หลังโรงเรียนแจ้งหยุดกรณีพิเศษ 3 วัน

วันที่ 23 พ.ย.2564 ที่โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์แห่งที่ 1 จ.อุตรดิตถ์ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มณฑลทหารบกที่ 35 โดย พ.อ.สมัย ขำพันธ์ ผอ.โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก นำทีมแพทย์ พยาบาล ออกปฏิบัติการคัดกรจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เชิงรุก ด้วยรถชีวนิรภัยกองทัพบก ให้กับคณะครู และนักเรียนกลุ่มเสี่ยง จำนวน 447 ราย พร้อมคัดกรองสัมผัสเสี่ยงสูงเองตรวพื่อขอความร่วมมือกักตัว หลังพบนักเรียนและผู้ปกครองของโรงเรียนดังกล่าวติดเชื้อโควิด-19 เป็นกลุ่มก้อนแล้ว จำนวน 19 คน แยกเป็นนักเรียน 15 ราย ผู้ปกครอง 4 ราย ซึ่งไม่รวมนักเรียนที่ติดเชื้อ 1 รายที่โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์แห่งที่ 2 ซึ่งเป็นคนละคสัสเตอร์กัน

ขณะเดียวกันนายมงคล รุณธาตุ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบ การดำเนินงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ของโรงเรียนดังกล่าว โดยมีนายศักดิ์สิทธิ์ สิงห์ทอง ผอ.โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์ พร้อมคณะครู ให้ข้อมูลตั้งแต่การการผ่านเครื่องเทอโมสแกน มูลค่าราว 5 แสนบาทของนักเรียนทุกคนที่บริเวณประตูทางเข้า การตั้งจุดเจลแอลกอฮอล์ก่อนขึ้นอาคารเรียน และ ลักษณะของอาคารเรียนสองภาษา ซึ่งเป็นจุดพบนักเรียน ชั้น ป.2 ป.3 และ ป.5 ติดเชื้อจำนวน 15 ราย โดยทางโรงเรียน ได้ประสานกองสาธารณสุขเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เข้าฉัดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และ ระดมเจ้าหน้าที่ล้างทำความสะอาดทุกพื้นที่ของโรงเรียน ประกาศหยุดเรียนกรณีพิเศษ 3 วัน โดยจะเปิดในวันที่ 29 พ.ย.2564

นายศุภมิตร ปาณธูป รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า หลังพบเด็กนักเรียน ป.3 โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์แห่งที่ 1 ติดเชื้อโควิด-19 ทีมสอบสวนโรคจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์และโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่ทันทีติดตามกลุ่มนักเรียนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในห้องเรียนเดียวกันพบติดเชื้อเพิ่ม 5 ราย และ ชั้น ป.2 จำนวน 7 คน ,ชั้น ป.5 จำนวน 1 คน ผู้ปกครองรวมทั้งคนขับรถตู้รับ-ส่งนักเรียน อีก 4 ราย รวมติดเชื้อคลัสเตอร์โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์แห่งที่ 1 จำนวน 19 ราย มาจากหลายสาเหตุแต่จุดที่พบเชื้อ อยู่ในอาคารและสภาพแวดล้อมเดียวกัน คือเป็นอาคารเรียนสองภาษา

จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ยอมรับว่า อาคารเรียนของคลัสเตอร์ ยังน่าเป็นห่วงเนื่องจากเป็นการนั่งเรียนใกล้ๆกัน จากสภาพห้องเรียนระยะห่างของโต๊ะและเก้าอี้ แต่ละคนไม่ถึง 1 เมตร ถือว่าคับแคบ และไม่ได้แบ่งชั้นเรียน หรือ สลับมาเรียน แต่เป็นการมาเรียนเต็มรูปแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้ จุดที่เป็นข้อสังเกตอีกอย่างคือ อาคารเรียนจุดพบผู้ติดเชื้อ มีจุดที่สัมผัสร่วมของนักเรียน คือ ราวบันได ด้วยบันได้มีความชัน ดังนั้นเด็กๆขึ้น-ลง ต้องเกาะราวทุกคน ประตูห้องเรียนเป็นแบบกระจกบานเลื่อน เข้า-ออกห้องเรียนเด็กๆต้องจับที่จับประตูเพื่อเปิด-ปิด ตู้ทำน้ำเย็น ดังนั้นต้องมีการทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง และต้องให้เด็กล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ การแปรงฟันหลังอาหาร ควรจัดเว้นระยะห่างหรือแบ่งกลุ่ม ลดจำนวนนักเรียน หรือแบ่งช่วงระยะเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นจนเกินไป

“เมื่อเปิดเรียน แต่ละโรงเรียนต้องปฏิบัติตามการประเมิน 44 ข้อ กรมอนามัยอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่ทำแค่ผ่านประเมินเพื่อได้เปิดเรียนเท่านั้น เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมกันนี้ยังต้องประเมิน TST ประจำตามแผนเผชิญเหตุ เช่นต้องประเมินอาการเสี่ยง เช่น อาการไข้ เจ็บคอ ลิ้นไม่รส ท้องเสีย ผื่นขึ้น ประเมินสถานที่เสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง เป็นประจำ รวมถึงเมื่อพบเด็กที่ป่วยด้วยกลุ่มอาการไข้หวัดต้องแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อเฝ้าระวังติดตามควบคุมโรคได้ทันทวงที ที่สำคัญคือ ผู้ปกครองควรตระหนัก อย่าเป็นผู้นำเชื้อมาแพร่ให้ลูกหลาน จากคลัสเตอร์โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์ แห่งที่ 1 พบกลุ่มเสี่ยงสูงต้องกักตัว 14 วันมากถึง 438 ราย ขณะเดียวกันโรงเรียนได้ประกาศหยุดเรียนกรณีพิเศษ 3 วัน ซึ่งทางคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด กำลังพิจารณาอาจขอขยายเป็น 14 วัน เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนและกลุ่มเสี่ยงสูงมีจำนวนมาก ประกอบกับเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่มีนักเรียนรวมบุคลากรมากกว่า 2,700 คน”นายศุภมิตร กล่าว

นายศุภมิตร กล่าวว่า ภาพโดยรวมตั้งแต่เปิดภาคเรียนที่ 2 วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นมา พบนักเรียนนักศึกษาติดเชื้อแล้ว 45 ราย กระจาย 5 อำเภอ คือ เมือง ลับแล น้ำปาด ท่าปลา และ บ้านโคก โดย 27 รายติดเชื้อแล้วมาเรียนในโรงเรียน เป็นคลัสเตอร์โรงเรียนแล้ว 2 แห่ง คือ โรงเรียนชุมชนไผ่ล้อมวิทยา อ.ลับแล และ โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์แห่งที่ 1 ทั้งนี้ การคัดกรองด้วยเครื่องเทอโมสแกน ที่ใช้ตามจุดเข้าออกสถานที่ต่างๆนั้น ใช้เพื่อสแกนอุณหภูมิร่างกายเป็นการคัดกรองได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้าเด็กไม่มีไข้ ก็ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่า เป็นป่วย ซึ่งการติดเชื้อในระยะหลังผู้ติดเชื้อมักไม่มีไข้ แต่การคัดกรองที่สำคัญคือ การประเมินอาการเสี่ยงของนักเรียนทุกวันโดยการซักถามก่อนเข้าห้องเรียนหรือโรงเรียน และติดตามเมื่อนักเรียนหยุดเรียน เน้นมาตรการป้องกัน 44 ข้ออย่างสม่ำเสมอ