"ทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย" เสียใจ “ออสเตรเลีย” ยุติโครงการเรือดำน้ำ

"ทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย" เสียใจ “ออสเตรเลีย” ยุติโครงการเรือดำน้ำ

"ตีแยรี มาตู" เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย ชี้ การเผชิญหน้าทางทหารไม่อาจเป็นทางเลือกสำหรับอนาคตของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกซึ่งขึ้นอยู่กับทางสายที่สาม ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ

นายตีแยรี มาตู เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า ฝรั่งเศสเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวของออสเตรเลียที่จะยุติ “โครงการเรือดำน้ำแห่งอนาคต” (Future Submarine Program: FSP) ซึ่งพัฒนาขึ้นภายใต้ความสัมพันธ์แห่งความไว้วางใจที่เชื่อมโยง 2 ประเทศเข้าด้วยกัน รวมถึงการตัดสินใจของออสเตรเลียที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐ อันนำไปสู่การขวางกันสมาชิกสหภาพยุโรปประเทศหนึ่งออกไปจากความเป็นหุ้นส่วนที่กำลังก่อตัวขึ้นในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

การตัดสินใจเลือกอย่างทันทีทันใดและสร้างความประหลาดใจเช่นนี้ ไม่เพียงขัดแย้งกับตัวอักษรและเจตนารมณ์ของความตกลงระหว่างสองประเทศเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการขาดความเสมอต้นเสมอปลายในช่วงเวลาที่เราต้องการความคาดการณ์ได้และความเชื่อถือได้ เพื่อให้สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพื่อสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งและทุกฝ่ายมีส่วนร่วมซึ่งจะช่วยเสริมสร้างระเบียบพหุภาคีที่ตั้งอยู่บนกฎกติกา รวมทั้งเพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายระดับโลก ปูพื้นฐานการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและยั่งยืนในยุคหลังโควิด” แถลงการณ์เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสระบุ 

รวมถึงการส่งเสริมประชาธิปไตย หลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชน และพันธกรณีที่ตกลงในระดับสากล อาทิ วาระเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 (2030 Agenda for Sustainable Development) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement on Climate Change) ตลอดจนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ

 

\"ทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย\" เสียใจ “ออสเตรเลีย” ยุติโครงการเรือดำน้ำ

ดังที่สะท้อนให้เห็นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเป็นพื้นที่ซึ่งกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์อย่างลึกซึ้ง อำนาจที่เพิ่มขึ้นและการอ้างสิทธิทางดินแดนของจีน รวมถึงการแข่งขันระดับโลกกับสหรัฐที่กำลังดำเนินอยู่ กำลังสร้างความอ่อนแอให้กับสมดุลอำนาจในภูมิภาคแห่งนี้ 

นอกจากนี้ บริบทดังกล่าวถูกทำให้เห็นเด่นชัดขึ้นจากภัยคุกคามข้ามชาติ ปัญหาการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และผลกระทบต่อความมั่นคงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ มหาสมุทรเป็นศูนย์กลางของความตึงเครียด การรักษาความปลอดภัยเส้นทางคมนาคมทางทะเลและเสรีภาพในการเดินเรือยังคงเป็นประเด็นสำคัญ

 

\"ทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย\" เสียใจ “ออสเตรเลีย” ยุติโครงการเรือดำน้ำ

อนาคตของภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเกิดขึ้นของมหาอำนาจในภูมิภาค หรือการสร้างพันธมิตรทางทหาร  ภูมิภาคดังกล่าวต้องการแนวทางใหม่นั่นคือ ทางสายที่สาม (Third Way) ซึ่งเป็นทางเลือกแทนการเผชิญหน้าที่ตอบสนองต่อความต้องการของประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศต่างๆ รวมถึงไทย ต่างสนับสนุนการพัฒนาสถาปัตยกรรมในภูมิภาคที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมโดยให้ความสำคัญกับการพูดคุยและความร่วมมือมากกว่าการแข่งขัน” เอกอัครราชทูตตีแยรี มาตู กล่าวย้ำ

นี่คือแนวทางที่ฝรั่งเศสเสนอ โดยเมื่อปี 2561 ฝรั่งเศสได้เห็นชอบยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรักษาความเป็นพื้นที่เปิดกว้างและทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ปราศจากการบีบบังคับทุกรูปแบบ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของการส่งเสริมพหุภาคีนิยมและการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ 

ประเด็นดังกล่าวยังถือเป็นความสำคัญอันดับแรกของสหภาพยุโรปซึ่งเพิ่งเผยแพร่เอกสารแถลงร่วมว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อความร่วมมือของสหภาพยุโรปในอินโด-แปซิฟิก (Joint Communication on the European Strategy for Cooperation in the Indo-Pacific) การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันมากขึ้นของสหภาพยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะช่วยรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในภูมิภาคอันกว้างใหญ่แห่งนี้ได้ดียิ่งขึ้น 

 

\"ทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย\" เสียใจ “ออสเตรเลีย” ยุติโครงการเรือดำน้ำ

สหภาพยุโรปได้สร้างความเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งไว้แล้วในภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาเซียน ซึ่งเราสนับสนุนหลักความเป็นแกนกลางของอาเซียนอย่างเต็มกำลัง

ฝรั่งเศสจะดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรียุโรปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 โดยมีความมุ่งมั่นมากกว่าที่เคยเป็นมาที่จะส่งเสริมวาระสำคัญในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสรีภาพในอำนาจอธิปไตยของทุกฝ่าย

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นศูนย์กลางความสำคัญอันดับแรกของฝรั่งเศส ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการที่ฝรั่งเศสได้รับสถานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอาเซียน รวมถึงการแสดงความประสงค์ของฝรั่งเศสที่จะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ASEAN Defence Ministers Meeting Plus: ADMM+) ตลอดจนการที่ฝรั่งเศสตัดสินใจที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศหลักๆ ในภูมิภาค อาทิ ไทย โดยฝรั่งเศสและไทยกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ Roadmap เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

การตัดสินใจที่น่าเสียใจที่เพิ่งประกาศออกมาเกี่ยวกับโครงการ FSP ตอกย้ำความมุ่งมั่นและความจำเป็นของเราที่จะต้องส่งเสริมการปรับยุทธศาสตร์ของสหภาพยุโรปให้เป็นอิสระ (European Strategic Autonomy) ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่น่าเชื่อถือในการส่งเสริมคุณค่าของเราในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เรามีความยินดีที่จะแบ่งปันวัตถุประสงค์ที่นำเสนอในเอกสารมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก (ASEAN Outlook on the Indo-Pacific) ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปี 2562 ภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทย

 

\"ทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย\" เสียใจ “ออสเตรเลีย” ยุติโครงการเรือดำน้ำ

ดินแดนโพ้นทะเลและประชาคมโพ้นทะเลซึ่งมีประชากรเกือบ 2 ล้านคน ทำให้ฝรั่งเศสมีเขตเศรษฐกิจจำเพาะใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (10.2 ล้านตารางกิโลเมตร) โดยมีบุคลากรทหารประจำการมากกว่า 7,000 นาย ฝรั่งเศสถือเป็นชาติหนึ่งในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกด้วยตัวของตัวเอง และต้องการเป็นมหาอำนาจผู้รักษาเสถียรภาพในภูมิภาคแห่งนี้

ในอนาคตข้างหน้าที่จะมาถึง ฝรั่งเศสจะเปิดตัวประเด็นที่มีความสำคัญอันดับแรกร่วมกับประเทศหุ้นส่วนในสหภาพยุโรปเพื่อเสนอวิธีการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สุขภาพ สภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม ที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค 

เป้าหมายของเรามีความชัดเจน ได้แก่ ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม การเปลี่ยนผ่านสีเขียวที่มุ่งเน้นพลังงานสะอาด การขนส่งที่สะอาด การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดการมหาสมุทรที่ยั่งยืน การเชื่อมโยงระหว่างกันที่ดียิ่งขึ้นโดยครอบคลุมการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนด้านดิจิทัล ตลอดจนความมั่นคงของมนุษย์โดยให้ความสำคัญอันดับแรกกับประเด็นสุขภาพ

เพื่อดำเนินการตามเป้าหมายเหล่านี้ ฝรั่งเศสและประเทศหุ้นส่วนในสหภาพยุโรปจะยังคงส่งเสริมสถาปัตยกรรมด้านความมั่นคงที่เปิดกว้างและตั้งอยู่บนกฎกติกา รวมทั้งเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่ปลอดภัย การเสริมสร้างขีดความสามารถและการเพิ่มการแสดงกำลังทางเรือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกตามกรอบกฎหมายภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (United Nations Convention on the Law of the Sea: UNCLOS) ความมั่นคงและการป้องกันประเทศเป็นเสาหลักสำคัญของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของฝรั่งเศส 

ภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าว ฝรั่งเศสมุ่งหมายที่จะมีส่วนช่วยให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ต่างๆ ของภูมิภาค อาทิ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคง นอกจากนี้ยังมุ่งหมายที่จะอยู่เคียงข้างหุ้นส่วนของเราในการรักษาการเข้าถึงพื้นที่ร่วมในบริบทการแข่งขันทางยุทธศาสตร์และสภาพแวดล้อมทางทหารที่ถูกจำกัดมากขึ้น มีส่วนร่วมในการรักษาเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์และสมดุลอำนาจทางทหารผ่านการดำเนินการระหว่างประเทศโดยอาศัยหลักพหุภาคีนิยม รวมถึงเตรียมการป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

ในบริบทดังกล่าว เราจะยังคงยืนยันการแสดงกำลังทางเรือของเราในภูมิภาค พร้อมกับสร้างความหลากหลายและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความเป็นหุ้นส่วนของเราต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งกับไทย ภูมิภาคแห่งนี้ต้องการความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ไม่ใช่การเผชิญหน้า