โควิด19ต่างจังหวัด ติดเชื้อเพิ่ม-ป่วยหนักลด

  เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 ส.ค. 2564 ในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุข นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ระดับโลกมีการติดเชื้อรายใหม่วันละประมาณ 4.5 แสนราย ติดเชื้อสะสมราว 213 ราย และเสียชีวิตสะสม 4.4 ล้านคน เสียชีวิตรายใหม่ 6,847 ราย เปอร์เซ็นต์การเสียชีวิต 2.09 % ในภาพประเทศที่มีการติดเชื้อสูงสุดยังเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ติดเชื้อรายใหม่ 74,273 ราย เสียชีวิต 313 คน ติดเชื้อสะสม 38 ล้านราย อังกฤษ รายใหม่ 31,914 ราย เสียชีวิต 40 ราย  ติดเชื้อสะสม 6.5 ล้านราย เป็นต้น  และมีการติดตามในปลายประเทศทั้งประเทศที่มีการฉีดวัคซีนกว้างขวางและที่ฉีดยังไม่ได้สูงนัก ก็เจอปัญหาการติดเชื้อรายวันที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เพราะว่าการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา

      ทั้งนี้ อัตราป่วยต่อประชากร 1 ล้านคน พบว่า  อเมริกา 116,217 ราย อังกฤษ 95,539 ราย มาเลเซีย 47,895 ราย อินเดีย 23,261 ราย ฟิลิปินส์ 16,699 ราย ไทย 15,485 ราย และอินโดนีเซีย 14,410 ราย ส่วนอัตราการตายต่อประชากร 1 ล้านคน  อเมริกา 1,938 ราย อังกฤษ 1,928 ราย  อินโดนีเซีย 460 ราย มาเลเซีย 437  ราย อินเดีย 312 ราย ฟิลิปปินส์ 287 ราย ไทย 140 ราย

     

    

    

   

สำหรับประเทศไทย ติดเชื้อรายใหม่ 17,165 รายโดยค่าเฉลี่ยย้อยหลัง 7 วันอยู่ที่ 19,358 ราย  เสียชีวิต 226 คน ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 7 วัน 259 คน  ติดเชื้อสะสม 1,083,951 ราย เสียชีวิตสะสม 9,788 คน  ส่วนแนวโน้มจะเห็นว่า ภาพรวมของประเทศการติดเชื้อใหม่รายวัน  ในส่วนของกทม.และปริมณฑล อยู่ที่ 7,984 ราย หรือ 46%  ต่ำกว่าจำนวนรวมกันใน 71 จังหวัด อยู่ที่ 8,986 รายหรือ 53 %

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน 2 หมื่นรายครั้งแรกอยู่ช่วงต้นเดือนส.ค. หลังจากนั้นมีการแกว่งตัวแต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ระดับวันละ 2 หมื่นราย จนช่วงสัปดาห์นี้ที่ลดต่ำกว่า 2 หมื่นราย ที่น่าจับตามองคือถ้าลดลงได้ต่อเนื่อง ก็จะสอดคล้องกับที่ดูโมเดลตั้งแต่ก่อนเดือนส.ค.ว่าช่วงที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดน่าจะอยู่ประมาณเดือนส.ค. น่าจะเป็นทิศทางเป็นสัญญาณที่ดี ที่จะให้มาตรการการผ่อนคลายต่างๆโอกาสเป็นไปได้สูงขึ้น 

 ส่วนจำนวนผู้ป่วยหนักนั้น ยังคงระดม เพราะจากจุดสูงสุดที่เห็นแม้ว่ารายใหม่จะมีจำนวนที่เริ่มลดลง แต่การสะสมของจำนวนผู้ป่วยช่วงที่ผ่านมา ก็จะยังมีจำนวนผู้ป่วยหนักน่าจะคงระดับในระดับสูงเช่นนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง  กรณีใส่ท่อช่วยหายใจ อยู่ที่ 1,095 ราย แยกเป็น  กทม,และปริมณฑล 563 ราย โดยยังมีแนวโน้มสูงขึ้น และต่างจังหวัด 532 ราย   ดูแนวโน้มลดลง แสดงว่าแม้รายใหม่ของต่างจังหวัดจะเจอสัดส่วนที่สูงกว่ากทม,และปริมณฑล แต่ทิศทางแนวโน้มของผู้ป่วยที่อาการหนักไม่ได้สูงขึ้น การเข้าถึงการดูแลต่างๆมีประสิทธิภาพ และสามารถป้องกันการป่วยอาการหนักได้อย่างดี

      รายงานการฉีดวัคซีน เพิ่มขึ้น 573,446 โดส  ฉีดสะสม  27,612,445 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 20,830,673 ราย ครอบคลุม 28.9 % และครบ  2 เข็มจำนวน 6,230,511 ราย คิดเป็น 8.6 %  ทั้งนี้ ใน 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีการฉีดแล้วอย่างน้อย 1เข็ม ครอบคลุม 52.1 % และ 64 จังหวัด 18.6 % ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุใน 13 จังหวัดฉีดเข็ม 1 แล้ว 65.8 % ส่วน 64 จังหวัด  31.2 %

     “ภาพรวมของสถานการณ์ขณะนี้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง แต่ต้องมีการติดตามต่อเนี่องต่อไป ถ้ามีการลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะเป็นการผ่านพ้นจัดสูงสุดของการระบาด แต่ก็ต้องบอกว่าการติดเชื้อรายใหม่และการเสียชีวิตยังอยู่ในระดับที่สูง แม้ว่าอัตรการเสียชีวิตของประเทศไทยจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของต่างประเทศก็ตาม แต่ทุกชีวิตก็มีคุณค่าเราอยากจะป้องกัน ไม่อยากให้มีความสูญเสีย และข้อมูลของประเทศไทยและต่างประเทศที่มีการฉีดวัคซีนได้กว้างขวาง เช่น อเมริกาและอังกฤษ กลุ่มผู้ที่เสียชีวิตมักจะเป็นผู้ที่ไม่ยอมไปฉีดวัคซีน และส่วนหนึ่งมีความเสี่ยงในเรื่องสุขภาพเป็นพื้นฐานของตัวเอง”นพ.เฉวตสรรกล่าว