กลุ่มเจมาร์ท รุกธุรกิจNPA จ่อปิดดีลธุรกิจประเมินราคา

กลุ่มเจมาร์ท รุกธุรกิจNPA จ่อปิดดีลธุรกิจประเมินราคา

“กลุ่มเจมาร์ท” พร้อมผนึกบริษัทในเครือ ลุยธุรกิจบริหารทรัพย์รอการขาย เหตุโอกาสเติบโตสูง ตั้งเป้าปีนี้ประมูลทรัพย์เพิ่มแตะ 500 หลัง มูลค่าแตะ 2 พันล้าน จากปัจจุบันที่มี 200 หลัง ด้าน“เจเอ็มที”เล็งปิดดีลถือหุ้น บริษัทประเมินราคาอสังหาฯภายในเม.ย.นี้

นายปิยะ พงษ์อัชณา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจบริหารทรัพย์สินรอการขาย (NPA)สูง ซึ่งดำเนินธุรกิจโดยบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส(JMT)จะมีการผนึกกำลังร่วมกันกับบริษัทในเครือ เพื่อเพิ่มยอดขายทรัพย์สินรอการขายในมือออกไป

โดยมี บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เป็นตัวแทนขาย และให้บริการปรับปรุง ดูแลหลักทรัพย์ ขณะที่บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด (KB J Capital) จะเข้ามาสนับสนุนการให้สินเชื่อให้ลูกค้า และ บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด (JMB) เพิ่มช่องทางการขาย และบริหารสื่อทางการตลาด ซึ่งเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

ทั้งนี้ JMT กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าถือหุ้นบริษัทประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ สัดส่วนเกิน50% คาดว่าจะปิดดีลได้ในเดือนมี.ค.หรือภายในต้น เม.ย.นี้ และขณะนี้ JMT มีแผน หลังจากนั้น JMT พร้อมเข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันขนาดใหญ่ได้ทันที เช่น กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีหลักประกัน อย่างที่ดินและเครื่องจักร ซึ่ง JMT จะบริหารจัดการเอง และยังสามารถซื้อที่ดินและโครงการขนาดใหญ่ J เข้ามา บริหารจัดการได้ด้วย

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT กล่าวว่า บริษัทมีแผนประมูลซื้อNPAเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปีนี้จะมีพอร์ต NPA อยู่ที่ 500 หลัง มูลค่า 2,000ล้านบาท จากปัจจุบันมี NPA ในมืออยู่แล้วมีอยู่200 หลัง มูลค่า 1,000ล้านบาทมีทั้งประเภท บ้าน คอนโด และอาคารพาณิชย์

ทั้งนี้บริษัทเตรียมเงินที่จะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารในปีนี้ 6,000 ล้านบาท และยังจะสามารถขยายเงินลงทุนได้ถึงระดับ 10,000 ล้านบาท ไว้รอบรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาเพิ่มเติมอีก หากมีหนี้ด้อยที่มีคุณภาพเข้ามาในระบบมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่า จะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้าได้ระดับไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท จากปีก่อนใช้เงินซื้อหนี้ราว 3,000 ล้านบาท เป็นมูลค่าหนี้ 30,000 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีหนี้ด้อยคุณภาพคงค้างทั้งสิ้น270,000 ล้านบาท เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ ไม่มีหลักประกัน 200,000ล้านบาทและหนี้ด้อยคุณภาพไม่มีหลักประกันอีก 7,000 ล้านบาท