กรมเชื้อเพลิงฯ ไฟเขียวเพิ่มพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม หนุนรายได้เข้ารัฐ 32 ลบ.

กรมเชื้อเพลิงฯ ไฟเขียวเพิ่มพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม หนุนรายได้เข้ารัฐ 32 ลบ.

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ อนุมัติพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม AA แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L53/48 เพิ่มปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตในประเทศอีกกว่า 120,000 บาร์เรล

นายศุภลักษณ์ พาฬอนุรักษ์ โฆษกกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการปิโตรเลียม ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้มีการอนุมัติกำหนดพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม AA ขนาดพื้นที่ 1.86 ตารางกิโลเมตร ซึ่งอยู่ในแปลงสำรวจบนบกหมายเลข L53/48 (บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม และสุพรรณบุรี) เพิ่มเติมอีกจำนวน 1 พื้นที่ จากเดิมที่ได้รับการอนุมัติมาแล้วจำนวน 6 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ผลิตปิโตรเลียม L53A, L53D, L53G, L53B, DD และ South AA โดยรวมทั้งสิ้นเป็น 7 พื้นที่ผลิตฯ ซึ่งมีบริษัท แพน โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด เป็นผู้รับสัมปทาน

161586447532

โดยทั้ง 6 พื้นที่ผลิตฯ ดังกล่าวข้างต้น มีอัตราการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยประมาณ 3,000 บาร์เรลต่อวัน (ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2564) สำหรับพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม AA ที่เพิ่งได้รับการอนุมัตินี้ บริษัทผู้รับสัมปทานมีแผนจะผลิตน้ำมันดิบรวมทั้งสิ้นประมาณ 119,000 บาร์เรล ภายในเวลาประมาณ 7 ปี (ช่วงปี พ.ศ. 2564 - 2570)

161586448775

ทั้งนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ได้เร่งผลักดันทุกพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมที่คาดว่ายังมีสมรรถนะเชิงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถนำเอาทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่มีการเปิดให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ใหม่นั้น การพิจารณาอนุมัติกำหนดพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม AA ในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อประเทศ ทั้งการช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ สร้างรายได้ให้แก่รัฐในรูปของค่าภาคหลวง และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม รวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นประมาณ 32 ล้านบาท

อีกทั้ง ยังช่วยให้เกิดการจ้างงานในประเทศอีกด้วย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศมากยิ่งขึ้น