สธ.เผย 'โควิดเชียงใหม่-เชียงราย'ยังไม่เป็น 'Super Spreader'

สธ.เผย 'โควิดเชียงใหม่-เชียงราย'ยังไม่เป็น 'Super Spreader'

สธ.ลั่นคนไทยลักลอบเข้าเมืองจัดการตามกฎหมายเด็ดขาด กำชับเจ้าของสถานที่พบเจอคนไม่เข้าระบบกักกันต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งมีความผิด ย้ำคนเชียงใหม่-เชียงรายไปจ.อื่นไม่ต้องทำอะไร 2 จังหวัดยังไม่ถือว่าเป็น “Super Spreader”

    จากกรณีที่มีการตรวจพบคนไทยในเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ลักลอบเข้าประเทศไทยผ่านทางอ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวน 3 ราย เป็นหญิง อายุ 29 ปี ตรวเจอที่จ.เชียงใหม่ และอายุ 23 และ26ปี ตรวจเจอที่จ.เชีงราย ตามไทม์ไลน์ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ให้รายละเอียดแล้วนั้น
     เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า กรณีที่จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีการประกาศไทม์ไลน์ที่เกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อไปแล้ว เพราะฉะนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับไทม์ไลน์ดังกล่าว คือไปในสถานที่นั้นและเวลาเดียวกับผู้ติดเชื้อ ให้ดำเนินการตามมาตรการที่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่กำหนด ส่วนคนในจ.เชียงใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ต้องกังวล รวมถึง หากคนจากจ.เชียงใหม่เดินทางไปในพื้นที่อื่นๆไม่ต้องดำเนินการใดๆ ซึ่งต้องขอชื่นชมคนเชียงใหม่ที่ไม่ตื่นตระหนกและคงมาตรการป้องกันตนเองมากขึ้น 
      อย่างไรก็ตาม เมืองในประเทศเมียนมาที่ติดชายแดนไทยมีการระบาดมากขึ้น ทำให้คนไทยที่ไปทำงานฝั่งเมียนมาต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย จึงขอย้ำให้เข้าตามช่องทางปกติและเข้ารับการกักกันตัวเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับตัวเองหากมีอาการป่วยจะได้รับการรักษาทันที ไม่นำเชื้อไปติดคนในครอบครัว คนในชุมชนและคนในประเทศ ห้ามลักลอบเข้าเมืองเพราะจะมีการดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ
160672576257
      “เจ้าของสถานที่ ทั้งเจ้าของคอนโด โรงแรม โรงงาน สถานบันเทิงและสถานประกอบการต่างๆ ต้องช่วยสอดส่องถ้าพบเห็นคนที่เข้าเมืองไม่ผ่านระบบการกักกันตัวให้แจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ถ้าละเลยจะเป็นอันตรายต่อิทุกคน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหลายพื้นที่จะออกเป็นคำสั่ง ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามก็จะมีความผิดตามมาตรา 31 พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท”นพ.โอภาสกล่าว

       ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณที่จ.เชียงใหม่ ผลการตรวจหาโควิด-19ในผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 107 ราย รอบแรกไม่พบเชื้อ 69 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างการรอผลและรอติดตาม ทั้งหมดจะต้องกักตัวจนครบ 14 วันต่อไป อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนื้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่สุดซึ่งเป็นเพื่อนเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกัน ที่อาจจะมีพฤติกรรมสัมผัสน้ำลายด้วยการสูบบุหรี่มวนเดียวกัน จำนวน 4 ราย แม้ผลการตรวจรอบแรกเป็นลบ แต่เมื่อใกล้ครบ 14 วันจะมีการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง เนื่องจากโดยทั่วไปการตรวจเจอเชื้อส่วนใหญ่จะอยู่ในระยะ 5-7 วันหลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ หากตรวจเร็วไปในวันที่ 1-2 อาจจะไม่เจอเชื้อ อย่างไรก็ตาม หากติดเชื้อและมีอาการจะพบในช่วง 7 วัน หากไม่มีอาการก็จะมีเชื้อน้อย โอกาสแพร่ต่ำ
      กรณีผู้ติดเชื้อ 2 รายที่จ.เชียงราย ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย โดย 1 รายพบติดเชื้อซึ่งก็คือที่รายงานแล้วเป็นหญิงอายุ 23 ปี อีก 2 ราย คือพนักงานโรงแรมที่ขับรถจักรยานยนต์พาผู้ป่วยไปร้านสะดวกซื้อ และรถจักรยานยนต์รับจ้างจากหมู่บ้านต้นทางถึงโรงแรมในอ.แม่สาย อยู่ระหว่างรอผล และ1 รายไม่พบเชื้อ คือ รถจักรยานยนต์รับจ้างจากแม่สายไปอ.เมืองและรพ.เอกชน
160672578576
160672580095
      ผู้สื่อข่าวถามว่า 2 กรณีถือเป็นSuper Spreader หรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า กรณีที่จ.เชียงใหม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 100 ราย ส่วนกรณีที่จ.เชียงรายประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น เข้าประเทศไทย 27 พ.ย.2563 มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงราว 4 ราย และส่วนใหญ่อยู่ในโรงแรม จนวันที่ 28 พ.ย. 2563รายอายุ 26 ปีไปตรวจที่รพ.หลังทราบผลติดเชื้อ เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปรับรายที่อายุ 23 ปีที่โรงแรม จึงไม่ได้ไปปะปนคนในเชียงราย ความเสี่ยงแพร่เชื้อต่อค่อนข้างต่ำ แต่ต้องไม่ประมาทคนที่เกี่ยวข้องต้องกักตัวและเฝ้าระวัง 14 วัน ซึ่ง 2 กรณียังไม่ถือว่าผู้ติดเชื้อเป็น Super Spreader เพราะการที่จะเป็น Super Spreaderนั้นจะต้องมีเชื้อมากและอยู่ในสถานที่เสื่ยงต่อการแพร่เชื้อ เช่น สถานบันเทิง หรือรถบัส แล้วมีคนติดเชื้อต่อไปจำนวนมาก อาจะราว 10 คน แต่ทั้ง 2 กรณีนี้ยังไม่พบการแพร่เชื้อให้ใครต่อ
     “พฤติกรรมของผู้ติดเชื้อที่จ.เชียงใหม่นั้น เป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงเป็น Super Spreading Event หรือเหตุการณ์ที่จะทำให้มีคนติดเชื้อต่อไปหลายคน แต่ขอย่ำว่าแม้จะมีผู้ติดเชื้อในพื้นที่หรือไม่ก็ตามจะต้องคงมาตรการป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อย เว้นระยะห่างและเช็คอินไทยชนะเสมอ อย่างกรณีเจอที่เชียงใหม่ มีผู้ไปห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลในช่วง 3 ชั่วโมงเดียวกับที่ผู้ติดเชื้อไป มีคนเช็คอินไทยชนะเพียง 33 รายเท่านั้น ซึ่งคนที่เช็คอินจะทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้รวดเร็วและแจ้งข้อปฏิบัติได้ทันที”นพ.โสภณกล่าว