โบรกคัดหุ้นขนาดกลาง เป้าหมายต่างชาติซื้อ-ราคามีอัพไซด์
“ซีจีเอส-ซีไอเอ็ม” แนะนักลงทุนหันลงทุนหุ้นกลางเป้าหมายต่างชาติซื้อ -ราคาหุ้นมีอัพไซด์ หลังหุ้นใหญ่ขึ้นแรง เหตุ เชื่อแนวโน้มฟันด์โฟลว์ยังไหลเข้า แม้ระยะสั้นเอ็มเอสซีไอลดน้ำหนักหุ้นไทย“เอเซีย พลัส” ลั่นไตรมาส 4/63 เน้นลงทุนหุ้นกลางเล็ก
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(12พ.ย.)ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตลาดภาคเช้า โดยปรับตัวลดลงต่ำสุด ถึง 18.17 จุด อยู่ที่ 1,327.17 จุด ก่อนที่จะรีบาวด์ในช่วงท้ายตลาดและกลับมาปิดที่ 1,336.31 จุด ลดลง 9.03 จุด หรือ 0.67% มูลค่าซื้อขาย 97,248.89 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพักฐานระยะสั้น หลังที่ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.ถึง 11 พ.ย.ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง150จุด เพิ่มขึ้น 13% จากความหมายนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และได้แรงหนุนจากวัคซีนป้องกันโควิด-19มีความคืบหน้า ทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ซึ่งมูลค่ารวมกว่า 3หมื่นล้านบาท
นายกิติชาญศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงนั้นคาดเป็นการปรับฐานระยะสั้น หลังจากเดือนนี้ดัชนีขึ้นแรงทะลุแนวต้านทางเทคนิค ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา ลักษณะการเปลี่ยนตัวซื้อ แต่เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อ ซึ่งได้รับผลดีจากที่นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งซึ่งนโยบายของไบเดนนั้น จะหนุนให้ฟันด์โฟลว์ไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐเข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะได้รับอานิสงส์และปัจจัยบวกเรื่องวัคซีน ที่จะส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัว
ทั้งนี้ธีมการลงทุนจึงแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่เป็นเป้าหมายการซื้อของนักลงทุนต่างชาติ แต่ที่ผ่านมาหุ้นขนาดใหญ่ก็ปรับตัวขึ้นไปแรงแล้ว บริษัทจึงแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในหุ้นขนาดกลาง ในSET100 ที่ราคาหุ้นยังมีโอกาสในการปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยหุ้นแนะนำ คือ MEGA มีอัพไซด์ 36% จากราคาเป้าหมาย44บาท CBG มีอัพไซด 32% จากราคาเป้าหมาย151บาท ,MAKRO มีอัพไซด์ 33% จากราคาเป้าหมาย 54.25 บาท ,HANA มีอัพไซด์ 32% จากราคาเป้าหมาย 48 บาท , WHA มีอัพไซด์ 31% จากราคาเป้าหมาย 3.70บาท ,CPF มีอัพไซด์ 29% จากราคาเป้าหมาย35.25 บาท ,TU มีอัพไซด์ 26% จากราคาเป้าหมาย19 บาท และDTAC มีอัพไซด์26% จากราคาเป้าหมาย 43 บาท
“ แม้ MSCI จะมีการลดน้ำหนักหุ้นไทยลงและคาดมีแรงเทขายประมาณกว่า 3 พันล้านบาท ในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งถือไม่มาก แต่เชื่อแนวโน้มต่างชาติยังคงซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องจาก จากปัจจัยวัคซีน และนโยบายของไบเดน จึงแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นที่เป็นหมายของนักลงทุนต่างชาติแต่เลือกหุ้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก และหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโต ”
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยว่า ในช่วงนี้กลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็กสามารถลงทุนได้ แต่ยังต้องเน้นเลือกหุ้นรายตัว ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส3 เติบโตดีและยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในปีหน้า ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ รวมถึงเป็นหุ้นที่ราคายังค่อนข้างต่ำและมีอัตราจ่ายปันผลดี ซึ่งเป็นหุ้นที่สามารถผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ตั้งแต่ระยะกลางถึงยาวได้ แนะนำ ILM ราคาเหมาะสมที่ 18.30 บาท มีอัพไซด์38%
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า หุ้นขนาดกลางและเล็กยังมีความน่าสนใจลงทุนได้ แต่ต้องเน้นกลยุทธ์เลือกรายตัวที่ยังมีกำไรเติบโตที่ดีในไตรมาส3และต่อเนื่องในปีหน้า รวมถึงมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง แนะนำ AEONTSให้ราคาเป้าหมายที่ 200 บาท อัพไซด์40% , SYNEX ให้ราคาเป้าหมายที่ 15.70บาท อัพไซด์21.7% และ TVO ราคาเป้าหมาย 38 บาท อัพไซด์15%
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล. เอเชียพลัส จำกัด กล่าวว่า ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ยังแนะนำการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกยังแข็งแกร่งแม้ได้รับกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ ปันผลสูงประมาณ 3-4% ได้แก่ ASK ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท , NOBLE ราคาเป้าหมาย 22.70 บาท , STGT ราคาเป้าหมาย 100.00 บาท, INSET ราคาเป้าหมาย 4.18 บาท, MTC ราคาเป้าหมาย 57.00 บาท ,DOHOME ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท