ประชาธิปไตยเยียวยาตนเอง

ประชาธิปไตยเยียวยาตนเอง

การเลือกตั้งสหรัฐครั้งนี้ที่ได้โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ให้บทเรียนมากมาย ทุกอย่างเป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนผ่านบัตรเลือกตั้ง ประชาธิปไตยสามารถเยียวยาสังคมที่แตกแยกได้ด้วยตนเอง ไม่มีอำนาจนอกระบบมาแทรกแซง และเสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์โดยแท้

ชัดเจนแล้วว่าประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐคือ โจ ไบเดน ที่ควงคู่มากับ คามาลา แฮร์ริส ทั้งคู่ประกาศชัยชนะเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ เมื่อวันเสาร์ (7 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยน้ำเสียงเน้นความสามัคคีและเยียวยาชาติจากความแตกแยก หลัง 4 ปีแห่งความปั่นป่วนทั้งการเมืองภายในประเทศและการเมืองระหว่างประเทศในอุ้งมือรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะว่าไปแล้วแม้สหรัฐจะห่างกับไทยถึงครึ่งโลกแต่การเลือกตั้งคราวนี้ก็ให้บทเรียนเราได้มากมาย 

ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน ใครจะเชื่อว่า มหาเศรษฐีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าพ่อวงการเรียลิตี้โชว์นาม “โดนัลด์ ทรัมป์” ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ผู้ไม่มีภูมิหลังทางการเมืองเลยแม้แต่น้อย จะเอาชนะสตรีมากประสบการณ์ทางการเมือง ถึงขนาดเคยครองตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาแล้วอย่าง “ฮิลลารี คลินตัน” ลงไปได้แบบที่หลายคนช็อกไปตามๆ กัน ณ เวลานั้นทรัมป์คือสีสันผู้มากับนโยบายโดนใจ “อเมริกาต้องมาก่อน” พอกันทีกับการเป็นตำรวจโลก อาสาช่วยคนโน้นคนนี้ ทรัมป์ดึงสหรัฐหันกลับมาสนใจประเทศตัวเอง แม้เป็นการพลิกผันสุดขั้วแต่คนที่ไม่ได้เลือกทรัมป์และประชาคมโลกก็ต้องยอมรับว่า นั่นคือการตัดสินใจของคนอเมริกัน 

4 ปีผ่านไปผลงานของทรัมป์เป็นที่ประจักษ์ ลือลั่นสุดๆ น่าจะเป็นสงครามการค้ากับจีน มหาอำนาจเศรษฐกิจหมายเลข 2 ที่พร้อมขึ้นมาแซงหน้าสหรัฐได้ทุกเมื่อ การดำเนินนโยบายแบบ “โนแคร์ โนสน” ของทรัมป์ เริ่มทำให้คนอเมริกันเห็นว่า การเดินออกจากปทัสถานเดิมที่สหรัฐเคยทำมาเนิ่นนานได้ทำลายศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของชาติลงไปมาก ถึงเวลาแล้วที่ชาวอเมริกันต้องทวงคืนศักดิ์ศรีของชาติกลับคืนมาผ่านบัตรเลือกตั้งตามกระบวนการ“ประชาธิปไตย” ไม่น่าเชื่อว่าคำๆ นี้สำคัญมาก และไบเดนพูดถึงบ่อยครั้งในระยะหลัง เช่น การหาเสียงวันสุดท้ายที่ผู้สมัครทั้ง 2 คนจะต้องพูดในสิ่งที่กินใจประชาชนที่สุด ไบเดนบอกว่า “ช่วยกันกอบกู้ประชาธิปไตยของเรากลับคืนมา” 

เมื่อ 4 วันก่อนตอนผลการนับคะแนนยังไม่เสร็จสิ้น ไบเดนและทรัมป์มีโอกาสชนะทั้งคู่ แถมทรัมป์ยังไปฟ้องศาลในหลายรัฐคัดค้านผลบ้าง ให้หยุดนับคะแนนทางไปรษณีย์บ้าง แต่ไบเดนยืนยันว่าจะต้องนับบัตรเลือกตั้งทุกใบ “ประชาธิปไตยบางครั้งก็สับสนแบบนี้แหละ และต้องอาศัยความอดทนอย่างมากด้วย” ผู้นำวัย 77 ปีเขาว่าอย่างนั้น ถัดมาอีกวันตอนที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามประโคมข่าวว่าตนเองถูกโกง ไบเดนทวีตข้อความว่า “ไม่มีใครพรากประชาธิปไตยจากเราไปได้หรอก”  

สำหรับชาวโลกตอนแรกก็จับตากันว่า เลือกตั้งสหรัฐคราวนี้ต้องเกิดจลาจลแน่ๆ แต่สุดท้ายไม่มีเหตุร้ายแรงอย่างที่คิด ทุกอย่างดำเนินไปตามกระบวนการที่ควรจะเป็น เจตจำนงของประชาชนผ่านบัตรเลือกตั้งสามารถเลือกผู้นำที่พวกเขาอยากได้ ประชาธิปไตยสามารถเยียวยาสังคมที่แตกแยกได้ด้วยตนเอง ไม่มีอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงโดยอ้าง “ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์โดยแท้ ดังภาษาละตินที่ว่า Vox Populi Vox Dei ​นี่คือราษฎรสาส์นของมหาชนชาวอเมริกัน