เมื่อยังไม่ชนะการระบาด ต้องเรียนรู้อยู่กับไวรัส

เมื่อยังไม่ชนะการระบาด ต้องเรียนรู้อยู่กับไวรัส

แม้แพร่ระบาดของไทยมีแนวโน้มดีขึ้น สะท้อนจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลง ขณะที่มาตรการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ครบกำหนด 16 เม.ย.63 และมีข้อเสนอให้ผ่อนปรนเปิดกิจการบางประเภท แต่รัฐบาลเองต้องควบคุมอย่างเคร่งครัด หรืออย่าปล่อยการ์ดให้ตก เพื่อไม่ให้วิกฤติซ้ำเติมซ้ำสอง

สถิติการระบาดโรคโควิด-19 ของไทยมีแนวโน้มดีเมื่อเทียบกับหลายประเทศ ล่าสุดศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ของประเทศไทยวันที่ 16 เม.ย.2563 พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 29 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,672 ราย ใน 68 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 46 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 1,593 ราย จากข้อมูลนี้เส้นกราฟผู้รักษากลับบ้านได้เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ผู้กำลังรักษามีจำนวนลดลง

ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะดูดีขึ้นแต่หลายฝ่ายออกมาย้ำว่าอย่าการ์ดตก ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเมื่อใดที่เราเผลอแล้วการระบาดจะกลับคืนมาทันที เหมือนบางประเทศที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแต่กลับมามีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จึงยืนยันได้แน่ชัดว่าโรคโควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกนาน ตราบใดที่ยังไม่มีการผลิตวัคซีนออกมาและสามารถนำไปใช้ในวงกว้างได้ ซึ่งจะทำให้มาตรการที่จำกัดการใช้ชีวิตจะยังดำเนินต่อไปจนกว่าโลกจะควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 นี้ได้

หลายประเทศมีความพยายามที่จะวิจัยวัคซีนเพื่อควบคุมการระบาด ซึ่งองค์การอนามัยโลกรายงานว่า ขณะนี้มีการวิจัยวัคซีนทั่วโลกถึง 70 รายการ ในจำนวนนี้เป็นการทดลองในมนุษย์แล้ว 3 รายการ โดยที่สหรัฐจะทดลองกับมนุษย์เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2563 เริ่มจากผู้ป่วย 45 คนแรก ทั้งชายและหญิงที่มีอายุระหว่าง 18-55 ปี แต่ผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลกหลายรายออกมาพูดตรงกันว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้ต้นปี 2564 ซึ่งจากข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาชี้ให้เห็นว่าสหรัฐกำลังกลายเป็นผู้นำในการผลิตวัคซีน

การประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ครบกำหนดในวันที่ 30 เม.ย.2563 ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อของไทยมีแนวโน้มลดลง ทำให้มีการส่งสัญญาณจากรัฐบาลว่าอาจจะมีการผ่อนปรนให้บางธุรกิจเปิดดำเนินการได้แบบมีเงื่อนไข ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการป้องกันและเยียวยาผลกระทบจากการระบาด

ข้อเสนอสำคัญที่กำลังมีการพิจารณา คือ การขอผ่อนปรนการเปิดดำเนินการธุรกิจบางประเภท ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดของการพิจารณาควรอยู่ที่การควบคุมการระบาด ประเด็นนี้เชื่อว่าภาคเอกชนจะเข้าใจ ดังนั้นหากมีการเปิดธุรกิจบางประเภทจะต้องมีมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มข้นแบบไม่ให้การ์ดตก ทุกคนต้องให้ความร่วมมือป้องกันทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อไม่ให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่มีแนวโน้มลดลงต้องกลับมาเพิ่มจำนวนสูงขึ้น