ผู้นำอาเซียน-ผู้นำโลก มั่นใจรับมือไวรัสได้

ผู้นำอาเซียน-ผู้นำโลก มั่นใจรับมือไวรัสได้

ในภาวะการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก แต่ขณะนี้บรรดาผู้นำประเทศในกลุ่มอาเซียนและผู้นำของโลกต่างตื่นตัวในการฝ้าระวังอย่างมาก ขณะเดียวกันยังมั่นใจถึงมาตรการรับมือที่มีอย่างเข้มข้นด้วย

ช่วงนี้ผู้นำประเทศในกลุ่มอาเซียนตื่นตัวกับการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 กันมาก และมีผู้นำบางประเทศมีอาการป่วยที่ส่อเค้าว่าจะป่วยเพราะไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ไวรัสอันตรายชนิดนี้แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป ที่ระบาดหนักกว่าเกาหลีใต้ จนกลายเป็นจุดฮอทสปอตจุดใหม่ของหลายประเทศ

สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดทางหลวงหมายเลข 55 ที่ จ.โพธิสัตว์ ทางตะวันตกของประเทศ เมื่อวันจันทร์ (9 มี.ค.) จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ รวมทั้งตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เนื่องจากตอนนี้เริ่มมีอาการคัดจมูก

แต่ผู้นำกัมพูชา ก็ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของประเทศ ว่าสามารถให้การรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปหรือแม้แต่ตัวเขาในฐานะผู้นำประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องมีการส่งตัวไปรักษายังประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ไทย หรือสิงคโปร์ และแนะนำชาวกัมพูชา ซึ่งมีอาการต้องสงสัยว่าอาจล้มป่วยด้วยโรคโควิด-19 ให้เข้ารับการตรวจจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

คำกล่าวของ สมเด็จฮุน เซน เกิดขึ้นหลังกระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชา รายงานเมื่อวันเสาร์ (7 มี.ค) ว่าพบพลเมืองกัมพูชาคนแรก ซึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นชายอายุ 38 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.เสียมราฐ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ มีประวัติสัมผัสโดยตรงกับชายชาวญี่ปุ่น ซึ่งเดินทางมายัง จ.เสียมราฐ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา และพลเมืองญี่ปุ่นรายนี้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เมื่อเดินทางกลับถึงบ้านเกิดเมื่อวันที่ 4 มี.ค

กัมพูชา รายงานผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 คนแรกของประเทศเมื่อวันที่ 20 ม.ค. เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีนอายุ 60 ปี เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคในจีน โดยผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใน จ.พระสีหนุ หรือสีหนุวิลล์ และออกจากโรงพยาบาลแล้วเดินทางกลับประเทศเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา

ก่อนหน้าที่สมเด็จฮุน เซนจะยอมรับว่ารู้สึกป่วยนั้น เขาถูกวิจารณ์อย่างหนักทั้งจากในประเทศและต่างประเทศกรณีที่เขาสัมผัสใกล้ชิดกับผู้โดยสารทุกคนบนเรือสำราญเวสเตอร์ดัมซึ่งเทียบท่าใน จ.สีหนุวิลล์ เมื่อกลางเดือนที่แล้ว

ด้านรัฐบาลฟิลิปปินส์ ยกระดับการอารักขาประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ด้วยการไม่อนุญาตให้บุคคลใกล้ชิดและสัมผัสร่างกายของผู้นำวัย 74 ปี ได้อย่างเต็มที่เหมือนเดิม

“เฮซุส ดูแรนเต” หัวหน้าหน่วยอารักขาผู้นำฟิลิปปินส์ บอกว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการปรับตัวของหน่วยอารักขาเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่าเป็นการห้ามเข้าถึงดูเตอร์เตอย่างเด็ดขาด แต่นับจากนี้บุคคลใดก็ตามซึ่งได้รับโอกาสให้พบกับผู้นำฟิลิปปินส์ในระยะประชิด ต้องผ่านการตรวจคัดกรองด้านสุขภาพอย่างละเอียดก่อนโดยเจ้าหน้าที่คุ้มกันประธานาธิบดี

ดูเตอร์เต เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อปี 2559 ขณะมีอายุ 71 ปี ถือเป็นนักการเมืองอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ปัจจุบัน ดูเตอร์เตมีอายุ 74 ปี ถือว่าอยู่ในช่วงวัยที่สุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

เมื่อวันจันทร์ (9 มี.ค.) ที่ผ่านมา ผู้นำฟิลิปปินส์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขจากโรคโควิด-19 ในประเทศ หลังจากในฟิลิปปินส์มีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 10 คน รักษาหายแล้ว 2 คน แต่เสียชีวิตแล้ว 1 คน เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และฟิลิปปินส์เป็นประเทศแรกนอกจีน ที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19

ด้าน “ฟรานซิสโก ดูเก” รมว.กระทรวงสาธารณสุขของฟิลิปปินส์ บอกว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะช่วยให้กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถเข้าถึงงบประมาณและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น เพื่อยกระดับประสิทธิภาพให้กับมาตรการควบคุมโรคโควิด-19

สิ่งที่เกิดกับผู้นำอาเซียนทั้ง 2 กรณี เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับเหล่าผู้นำโลกพยายามสร้างความมั่นใจว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ เริ่มจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภาถามคำถามเมื่อวันอังคาร (10 มี.ค.) โดยรักษาระยะห่างประมาณ 2-3 เมตรจากกลุ่มสื่อมวลชนในกรุงวอชิงตัน โดยยืนยันว่าคณะทำงานของตนรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดได้อย่างดี

ส่วนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ก็เดินทางไปเยือนเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปลายปีที่แล้วด้วยตนเองเป็นครั้งแรก หลังจากทางการเมืองอู่ฮั่นสั่งปิดโรงพยาบาลชั่วคราว 14 แห่ง ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งผู้นำจีนได้กล่าวชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและทุกฝ่ายในการรับมือกับการแพร่ระบาด ขณะที่หลายพื้นที่ในมณฑลหูเป่ย์ เริ่มผ่อนคลายมาตรการให้ผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อต่ำสามารถเดินทางได้ และมีระบบขนส่งภายในพื้นที่รองรับมากขึ้นกว่าช่วงหลายเดือนก่อน

ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ก็ออกมาแถลงข่าวด้วยตนเอง หลังรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม “แฟรงค์ รีสเตอร์” ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ รวมทั้งกรณีที่หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำงานของมาครง ถูกกักตัวเพื่อสังเกตอาการ หลังจากเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโควิด-19 โดยบอกว่า ฝรั่งเศสยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาด พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นกลัว และงดการกักตุนสิ่งของโดยไม่จำเป็น