แจงศึกเลือกขั้ว 'ไอติม-นันทเดช-ทยา' ย้ำไม่เข้าสู่ทางตัน-วิกฤติชาติครั้งใหม่

แจงศึกเลือกขั้ว 'ไอติม-นันทเดช-ทยา' ย้ำไม่เข้าสู่ทางตัน-วิกฤติชาติครั้งใหม่

รองหัวหน้า ปชป. ชี้แจงศึกเลือกขั้วตั้งรัฐบาล "ไอติม-นันทเดช-ทยา" ย้ำเดินไปข้างหน้าสู่อนาคตที่ดีกว่า ไม่เข้าสู่ทางตันหรือวิกฤติชาติครั้งใหม่

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนในเฟสบุ๊ควันนี้ (1เม.ย.) แสดงความเห็นและชี้แจงกรณี ”พริษฐ์” เสนอให้ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านอิสระ จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ข้ามพรรคปรากฎข้อความดังนี้

“............เพื่อโปรดทราบ กรณีคุณพริษฐ์ (ไอติม) กับ พลโท นันทเดช และคุณทยา ฯลฯ...

“......จะถูกจะผิดจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยทุกคนควรเคารพความเห็นที่กันและกัน หากมีความคิดแตกต่างก็เสนอเหตุผลข้อเท็จจริง นี่คือประการแรกที่ขอติงเอาไว้ครับ อีกประการคือ ในพรรคประชาธิปัตย์มีวัฒนธรรมองค์กรเปิดกว้าง แต่ละคนมีเสรีภาพทางความคิดในประเด็นการเมืองซึ่งเป็นปกติวิสัยของสถาบันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยและเมื่อพรรคมีมติออกมาเราก็มีวินัยพรรคในการต้องปฏิบัติตาม

นอกจากนี้การวิจารณ์ข้ามพรรคพึงรักษามารยาทหากไม่เห็นด้วยก็วิจารณ์ด้วยตรรกะเหตุผลที่เห็นต่างอย่างสุภาพให้เกียรติกันและหลีกเลี้ยงการดูถูกเสียดสีเหยียดหยามน่าจะเป็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมกว่า คุณพริษฐ์เป็นสมาชิกพรรคที่เป็นคนรุ่นใหม่เป็นหนึ่งในกลุ่มนิวเดม (New Dem) มีคุณวุฒิวัยวุฒิและภูมิหลังที่ดี ดังนั้นการแสดงออกซึ่งจุดยืนและความคิดทางการเมือง (ความเห็นส่วนตัวของคุณพริษฐ์ไม่ใช่ของกลุ่มนิวเดม) ที่เสนอต่อพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนสังกัดจึงเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีมติว่าจะร่วมรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งในการประชุมร่วมระหว่างรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคกับอดีตส.ส.กว่า100คน เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ก็รับฟังความเห็นของทุกคนอย่างเปิดกว้างมีทั้งประสงค์ให้ร่วมรัฐบาลและเป็นฝ่ายค้านโดยที่ประชุมมีแนวทางชัดเจนเป็นข้อสรุปว่าให้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่และ ส.ส. ใหม่ที่จะมีการรับรองผลโดย กกต. ในวันที่ 9พ.ค. เป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทยก็จะตัดสินใจเรื่องร่วมรัฐบาลหรือไม่หลังวันประกาศรับรองผลส.ส.เช่นกัน

ผมเชื่อว่า ทุกคนรักชาติบ้านเมืองไม่ต้องการให้เกิดทางตันทางการเมือง ขอให้มั่นใจว่าการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ยึดประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และคำนึงถึงอนาคตของประเทศมากกว่าอนาคตของพรรคตัวเอง โดยพร้อมจะร่วมมือกับทุกฝ่ายพาประเทศเดินไปข้างหน้าสู่อนาคตที่ดีกว่าไม่ใช่เดินไปสู่ทางตันหรือวิกฤติของชาติครั้งใหม่ สำหรับภารกิจระหว่างนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะให้ความสำคัญสูงสุดต่องานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉกเช่นพสกนิกรคนไทยทุกคนครับ”