จากกรณีคนร้าย2 คน ขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน ก่อเหตุใช้อาวุธปืนไล่ยิงนายนพเก้า หรือแบงค์ สุคนธรัตน์ อายุ 19 ปี นักเรียนโรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ชั้นปีที่ 3 แผนกช่างยนต์ บาดเจ็บสาหัสก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนวมินทร์ 1 เหตุเกิดภายในซอยราษฎร์อุทิศ 23 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สส.บก.น.3 เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ไล่กล้องวงจรปิดรอบจุดเกิดเหตุเพื่อหาเส้นทางหลบหนีของคนร้ายคาดว่าวันนี้น่าจะไล่กล้องได้ทั้งหมด โดยทางกก.สส.บก.น.3 กับทางสน.มีนบุรีได้แบ่งกันไล่กล้องวงจรปิด อีกทั้งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเช็กประวัติกลุ่มเสี่ยงที่เคยมีเหตุวิวาทระหว่างสถาบันในพื้นที่บก.น.3ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งหมด 3 สถาบัน ที่มีปัญหาระหว่างกัน โดยจะไปตรวจสอบจุดที่กลุ่มนักเรียนในสถาบันเหล่านั้นไปรวมตัวกัน เพื่อติดตามตัวหาตัวคนร้าย
พ.ต.อ.ถนัด เปิดเผยต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้มุ่งปมความขัดแย้งระหว่างสถาบันเป็นประเด็นหลักก่อน แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่น ทั้งปัญหาทะเลาะกันเรื่องส่วนตัว เพราะเบื้องต้นพบว่าก่อนเกิดเหตุคนร้ายขี่จยย.มาพบกับจยย.ผู้ตาย แล้วอาจจะจำหน้าได้ จึงขี่รถตามจนมาทันกันที่จุดเกิดเหตุและนำไปสู่การก่อเหตุดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ประชุมวางกรอบการทำงาน โดยได้แบ่งกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบหาภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้ในการหลบหนี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุหลบหนีไปตามเส้นทางหนองจอก-ลำหิน
ทั้งนี้ทีมสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามหาเส้นทางต่อ ขณะเดียวกันได้เพิ่มความเข้มในการตรวจตราพื้นที่โดยให้กำลังตำรวจสายตรวจเพิ่มความถี่ในการออกตรวจพื้นที่มากขึ้นในพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยมีการก่อเหตุ และจุดล่อแหลมเพื่อป้องกันการล้างแค้น อย่างไรก็ตามประเด็นในการก่อเหตุในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้งทั้งเรื่องปัญหาส่วนตัว หรือเรื่องของคู่อริต่างสถาบัน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัวคนร้าย พร้อมทั้งหาข้อมูลประวัติหัวโจก และแผนประทุษกรรมเก่าๆ ที่คนร้ายเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาตรวจสอบควบคู่กันไปอีกด้วย
