"กองปราบ" ยืนยันรับสำนวนคดีหวย 30 ล้าน จาก "อัยการ" แล้ว และส่งต่อให้ ปปช. พิจารณาชี้มูลความผิดแล้ว ระบุการส่งสำนวนคืน และการรวมสำนวนไม่กระทบต่อคดี
พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า จากกรณีที่อัยการสูงสุด ได้ส่งสำนวนคดีหวยอลเวง 30 ล้านบาท ที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ กล่าวหา นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ในข้อหาแจ้งความเท็จ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา มาให้กองปราบปราม เพื่อส่งต่อให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.พิจารณาชี้มูลความผิดก่อนส่งให้ศาลอาญาคดีทุจิรตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณา โดยชี้แจ้งว่า กองปราบปรามได้รับสำนวนคืนมาจากอัยการเมื่อวันที่ 17 เมษายน และได้ส่งสำนวนต่อไปให้ ปชช. เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิดแล้ว
ส่วนกรณีที่อัยการระบุว่า พยานหลักฐานในสำนวนคดีแจ้งความเท็จ และคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบของ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เป็นความผิดต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน ซึ่งถือเป็นมุมมองทางกฎหมายของอัยการ ที่อาจมีมุมมองต่างกัน แต่ขอยืนยันว่า การส่งสำนวนคืนให้กองปราบปราม และการรวมสำนวนไปที่ ปปช. ไม่กระทบต่อคดี ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้มีความเห็นสอดคล้องกับอัยการว่า การนำสำนวนไปรวมกัน หากมีการพิพากษาว่าผู้ต้องหามีความผิดจริง ก็จะทำให้ได้รับโทษหนักขึ้นจากสำนวนที่ส่งไปก่อนหน้านี้ และหลังจากนี้หาก ปปช.จะสอบสวน หรือต้องการพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถดำเนินการได้เลย เพราะมีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมอยู่แล้ว
ส่วนการที่ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวครูปรีชา และนางรัตนาพร หรือเจ๊บ้าบิ่น จนทำให้หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวลว่า ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน จนอาจทำให้คดีเสียหายนั้น พ.ต.อ.สุวัฒน์ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะที่ผ่านมาทั้งสองคนยังไม่มีพฤติการณ์แบบนี้