รวบ 3 หนุ่มชาวไต้หวันสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์

รวบ 3 หนุ่มชาวไต้หวันสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตำรวจท่องเที่ยวรวบ 3 หนุ่มชาวไต้หวัน สมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สารภาพทำหน้าที่ตระเวนกดเงิน-โอนเงินตามคำสั่งหัวหน้าแก๊ง รับส่วนแบ่งร้อยละ 4

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 17 มกราคม 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท, พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวฯ ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไต้หวัน จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายเชียน เฮา เชียร์ (Mr. CHEN,HAO- CHIEH ) สัญชาติ ไต้หวัน อายุ 25 ปี นายฮวง เวน ซุง (Mr.HUANG, WEN-TSUNG ) สัญชาติ ไต้หวัน อายุ 24 ปี และนายชิน เชียง ฮัง (Mr.SHIN,CHEN- HUNG ) สัญชาติไต้หวัน อายุ 20 ปี พร้อมของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 5 เล่มบัตรเอทีเอ็มจำนวน 4 ใบ เงินสด 90,600 บาทใบเสร็จกดเงินตามตู้กดเงินสดต่างๆ และเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ภายในห้องที่ 522 แมนชั่นแห่งหนึ่ง ซอย ลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั๋น เขตบางกะปิ

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไต้หวันเข้ามากบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ย่านลาดพร้าว จึงได้กระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสกระทั่งสืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ ได้พักอาศัยอยู่ในแมนชั่นดังกล่าวภายในซอยลาดพร้าว 130 จึงนำกำลังเข้ามำการจับกุมตัวพร้อมกับขยายผลตรวจค้นภายในห้องพักจนกระทั่งพบของกลางในการกระทำความผิดดังกล่าวหลายรายการ

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การรับสารภาพโดยรับว่าทำหน้าที่เป็นเพียงคนคอยตระเวนกดถอนเงิน-โอนเงินตามตู้เอทีเอ็มต่างๆใน กทม. ตามคำสั่งการของหัวหน้าแก๊ง โดยจะได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินจำนวนร้อยละ 4 ของจำนวนเงินที่โอน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหามี และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรเครดิต บัตร ATM )ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าวดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมตัวผู้ต้องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง 3 รายดังกล่าว เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งขยายผลหาความเชื่อมโยงไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ นอกจากนี้จากการตรวจสอบสมุดบัญชีธนาคารของกลางที่ตรวจยึดไว้ได้พบว่ามียอดเงินของผู้เสียหายบางรายรวมอยู่ในบัญชีธนาคารกว่า 4 แสนบาท เจ้าหนัาที่จึงได้ทำการอายัดไว้ในเบื้องต้น ในส่วนของสถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปัจจุบันพบว่าหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการปราบปรามจับกุมจับกุมอย่างต่อเนื่อง และผลจากการประสานข้อมูลความร่วมมือกับตำรวจสากลของประเทศเพื่อนบ้านในการช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามประเทศต่างๆจึงทำให้การเข้ามาก่อเหตุของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในช่วงหลังลดน้อยลง

สุดท้ายอยากฝากประชาสัมพันธ์ทิ้งท้ายด้วยว่าหากมีบุคคลโทรศัพท์มาแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยงานต่างๆมาขอข้อมูลเลขประจำตัวประชาชนหรือข้อมูลส่วนบุคคล ขอให้อย่าหลงเชื่อหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ที่แอบอ้างเหล่านี้เป็นอันขาด และขอยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดของรัฐใช้วิธีดังกล่าวในการโทรมาสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลอย่างแน่นอน