สงสัยคนงานก่อสร้าง แทงครูสีคิ้วสาหัส 

ความคืบหน้า คดีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาประกบ และใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ และหวังบังคับข่มขืน น.ส.สุกัญญา รักษาสัตย์ อายุ 25 ปี ครูสาวประจำโรงเรียนบ้านกุดน้อย ต.กุดน้อย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา แต่ครูสาวไม่ยินยอมจึงมีการต่อสู้กับคนร้าย จึงถูกคนร้ายใช้มีดแทง น.ส.สุกัญญา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเหตุเกิดบริเวณป่าละเมาะห่างจากโรงเรียนบ้านกุดน้อยประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อช่วงเวลา 10.15 น. วันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ น.ส.สุกัญญา ถูกนำตัวส่งไปรักษาอยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และยังไม่สามารถให้การใดๆ ได้

ล่าสุดวันนี้ (28 ก.ย. 60) ที่ สภ.สีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.ทรงวุฒิ ไสยบุญ ผกก. สภ.สีคิ้ว เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สีคิ้ว จึงได้จัดชุดสืบสวนเฉพาะกิจ ออกสำรวจเส้นทางหลบหนีของคนร้ายทุกเส้นทาง พร้อมทั้งให้พยายามรวบรวมหลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิดทุกจุด ที่สามารถหามาได้ เพื่อที่จะนำมาเทียบรูปพรรณสัณฐานกับคนร้าย ตามที่ผู้ถูกทำร้ายบอก ซึ่งขณะนี้ทราบแต่เพียงว่าคนร้ายเป็นชายลักษณะมีรอยสักที่คอ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสงสัยว่าจะเป็นคนเดียวกันที่ก่อเหตุในเขตพื้นที่ อ.สูงเนิน เพราะมีลักษณะพฤติกรรมคล้ายกัน จึงได้ประสานกับตำรวจ สภ.สูงเนิน เพื่อที่จะร่วมกันตามล่าคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจสถานที่เกิดเหตุ บริเวณป่าละเมาะ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนบ้านกุดน้อย ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นทางลูกรังตลอดเส้นทาง โดยพบกับดาบตำรวจสมพร เต็งผักแว่น และดาบตำรวจวิชัย หึกขุนทด เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา กำลังลงพื้นที่เก็บข้อมูลหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อนำไปขยายผลหาเบาะแสคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยดาบตำรวจสมพร เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว และได้จัดชุดปฏิบัติการสืบสวนลงพื้นที่เก็บข้อมูลรายละเอียดตามที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมกับหาเบาะแสคนร้ายตามจุดที่น่าสงสัย ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบถามนางสาวสุกัญญา รักษาสัตย์ ครูผู้ที่ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ให้การว่าคนร้ายรายนี้มีร่างกายผอม สูงประมาณ 170 เซนติเมตร อายุประมาณ 40-50 ปี โดยขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน ไม่ทราบยี่ห้อ และป้ายทะเบียน

ซึ่งเหตุการณ์คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ประกบมา แล้วใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของครูสาวล้มลง หลังจากนั้นได้ใช้มีดปลายแหลมจี้ครูสาวให้ขึ้นซ้อนรถจักรยานยนต์ด้านหน้า วิ่งเข้าไปข้างทางป่าละเมาะ และพยายามที่จะลวนลามข่มขืน แต่ครูสาวได้พยายามต่อสู้โดยร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ พร้อมกับใช้มือดันหมวกกันน็อคสีดำของคนร้ายออก ซึ่งสังเกตเห็นว่าคนร้ายรายนี้มีรอยสักคล้ายรูปอักษรภาษาอังกฤษเป็นตัว U หรือตัว Cอยู่บริเวณต้นคอด้านซ้าย และมีลายสักยันต์บริเวณไหล่ซ้ายด้วย เมื่อคนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงได้ใช้มีดปลายแหลมลงมือจ้วงแทงครูสาวที่บริเวณกลางหลัง 3 ครั้ง แล้วฉกเอากระเป๋าสะพายครูสาว ขึ้นขี่รถจักรยานยนต์หนีไปลอยนวล

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างหาเบาะแสคนร้าย โดยเฉพาะบริเวณไซต์คนงานก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีคนงานต่างด้าวอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ว่าเคยพบเห็นบุคคลลักษณะนี้หรือไม่ เพื่อที่จะเร่งตามล่าจับตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ส่วนอีกคดีหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.สูงเนิน เมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ก็แจ้งว่าคนร้ายมีลักษณะคล้ายกันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะนำมาประกอบการสืบคดีนี้ด้วยเช่นกัน

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนบ้านกุดน้อย หมู่ 14 ต.กุดน้อย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา พบว่าวันนี้ไม่มีการเรียนการสอน แต่ครูและนักเรียนทุกคนกำลังช่วยกันบูรณะซ่อมแซมโรงเรียนในหลายจุด ซึ่งเมื่อทราบข่าวเหตุการณ์นี้ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว โดยนายสุวัจน์ ไชยวิชิต อายุ 58 ปี ครูประจำโรงเรียนบ้านกุดน้อยรายหนึ่ง บอกว่า โรงเรียนบ้านกุดน้อย มีนักเรียน จำนวน 37 คน ครู 4 คน เจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน และวิทยากรภายนอก 1 คน

โดยนางสาวสุกัญญา รักษาสัตย์ เป็นครูธุรการรับผิดชอบงานอยู่ 3 โรงเรียน ประกอบไปด้วย โรงเรียนพรพิทยาคม โรงเรียนบ้านหนองสลักได และโรงเรียนบ้านกุดน้อย ซึ่งวันดังกล่าวครูสาวกำลังเดินทางจากโรงเรียนบ้านกุดน้อย เพื่อที่จะไปเซ็นต์เอกสารที่โรงเรียนพรพิทยาคม ห่างจากโรงเรียนบ้านกุดน้อยประมาณ 5 กิโลเมตร โดยใช้ทางลัดเป็นทางลูกรัง ซึ่งมีลักษณะเปลี่ยว ไม่มีบ้านคนอยู่อาศัย เมื่อขี่รถจักรยานยนต์ออกมาได้ประมาณ 2 กิโลเมตร จึงถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ตามที่เป็นข่าว

ทั้งนี้จากการสอบถามชาวบ้านใกล้เคียง บอกว่าก่อนเกิดเหตุ มีคนเห็นชายลักษณะคล้ายคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าโรงเรียนบ้านกุดน้อย ซึ่งคาดว่าจะมาดูลาดเลาเตรียมสะกดรอยตามครูสาวเพื่อก่อเหตุร้าย ตอนนี้ทางโรงเรียนก็ได้แจ้งให้ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนทุกคน ให้ระมัดระวังตัว อย่าไปบริเวณที่เปลี่ยวคนเดียวเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายซ้ำอีก