วันที่ 30 สิงหาคม นายเจษฎา ลิ้มศรีตระกูล นายอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ และนายศิลปชัย ถาวรพัฒนาสกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ ผู้นำท้องถิ่น ลงพื้นที่บริเวณที่ดินหลังบ้านนางวราภรณ์ ไกลพ้น หมู่ 2 บ้านหน้าพระธาตุ ตำบลในเมือง อ.พิชัย หลังรับแจ้งว่าพบพระพุทธรูปขนาดใหญ่
นายเจษฎา กล่าวว่า จุดดังกล่าวอยู่ห่างจากชุมชนประมาณ 500 เมตร เป็นป่ารกร้าง ปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เถาวัลย์มาเป็นเวลานาน ด้วยเจ้าของที่ดินเตรียมเข้าปรับพื้นที่ใช้ประโยชน์ เป็นที่มาของการพบชิ้นส่วนพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ทั้งส่วนของพระอุระ(ส่วนอก) เข่า แขน ที่เกือบสมบูรณ์ แต่ไม่พบเศียร น่าจะเป็นพระประธานในวิหาร เนื่องจากเมื่อเดินสำรวจทั่วบริเวณ ยังพบตอเสาศิลาแลง ถูกดินทับถมเรียงเป็นแนวเดียวกันจำนวนหลายต้นและเศษซากศิลาแลงและอิฐมอญกระจัดกระจาย แต่ด้วยกาลเวลาที่เนิ่นนาน ถูกปล่อยทิ้งร้างให้ทรุดโทรมแตกหักน่าจะพุพังตามกาลเวลา
ทั้งนี้อดีตอำเภอพิชัย เป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เคยเป็นเมืองลูกหลวงของกรุงสุโขทัย เมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยา ดังนั้นชิ้นส่วนพระพุทธรูปและโครงสร้างสิ่งก่อสร้างที่พบ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเมืองพิชัยเก่า ก่อสร้างโดยใช้ศิลาแลงและอิฐมอญ ยุคสุโขทัยตอนต้นผสมศิลปะขอม อายุประมาณเกือบ 1,000 ปี เมื่อไม่มีหน่วยงานเข้ามาพัฒนา บำรุงรักษา จึงทรุดโทรมพุงพัง
นายเจษฎา กล่าวว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ส่วนของอำเภอพิชัย ได้ศึกษาข้อมูล พร้อมนำแผนที่แนวเขตที่ราชพัสดุเข้าตรวจสอบ พบว่าอยู่ในส่วนหนึ่งของแนวเขตกำแพงเมือง-คูเมืองเก่าของเมืองพิชัย แต่ยังไม่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ลักษณะเป็นศาสนสถานใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา ได้เร่งประสานสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ในการเข้าตรวจสอบบูรณะซ่อมแซม และประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน เพิ่มเติม ให้อยู่ใน เขตเดียวกับโบราณสถานเมืองเก่าพิชัย ที่เคยประกาศมาแล้วเมื่อปี 2478 นอกจากจะมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ล่าสุดได้ขอความร่วมมือประชาชนอย่างบุกรุก เข้าไปขุดค้น หรือนำชิ้นส่วนต่างๆออกจากพื้นที่เด็ดขาด ประกาศกันพื้นที่ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าแล้ว
