2วัดดังติดโผ 'พระมหาธาตุ-เสาธงทอง' ถูกทหารบุกจัดการทรัพย์

ผู้สื่อข่าวรายงาน การปฏิบัติการจัดระเบียบวัดภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมณฑลทหารบกที่ 41 ยังเพิ่มความเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์ฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือศุภโชค เอกเกียรติกุล แล้วฝังโบกปูนไว้ภายในวัดวังตะวันตก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช

ล่าสุดวันนี้ พลตรีอาคม พงศ์พรหม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ได้จัดชุดปฏิบัติการณ์ 5 ชุดออกเดินทางเข้าตรวจสอบวัดที่อยู่ในข่ายเป้าหมาย เป็นวัดที่มีผลประโยชน์สูงและไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องระบบบัญชีของวัด กรรมการของวัด รวมทั้งปัญหาด้านอื่นๆ การปฏิบัติการณ์ล่าสุดวันนี้ มีเป้าหมายอีก 5 วัดคือ วัดสระโพธิ์ อำเภอเชียรใหญ่, วัดเสาธงทอง อำเภอเมือง, วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง, วัดอัมพวัน อำเภอนาบอน วัดกัลยานิมิต อำเภอถ้ำพรรณรา

โดย 2 วัดในจำนวนนี้คือวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งมีรายได้เข้าวัดจำนวนมหาศาลจากเงินทำบุญ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการเสื่อมโทรมของปูชนียสถานภายในวัดกลับต้องใช้งบจากกรมศิลปากรทุกครั้ง ขณะที่วัดเสาธงทอง ซึ่งอยู่ติดกับวัดวังตะวันตก มีผลประโยชน์จากการเช่าที่ดินของวัดจำนวนมาก ส่วนสภาพวัดนั้นเหลือเพียงอาคารที่พักสงฆ์เพียงหลังเดียวพื้นที่อื่นๆของวัดหมดสภาพการเป็นวัดไปหมดแล้ว

และในวันเดียวกัน ผู้นำชุมชนและผู้นำท้องถิ่นใน ตำบลท้ายสำเภา อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าเจรจากับ พันเอกณัฐวุฒิ วงศ์ปาลามานนท์ รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 41 และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนานครศรีธรรมราช หลังจากที่ชาวบ้านจำนวนมากแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากพระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ฝ่ายมหานิกาย ได้มีคำสั่งถอดถอนพระสังฆาธิการคือ พระอธิการสอด จันทสาโร เจ้าอาวาสวัดเชิงแตระ ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ โดยชาวบ้านได้เตรียมเคลื่อนไหวไปยังสำนักงานเจ้าคณะจังหวัด แต่พันเอกณัฐวุฒิ ได้เข้าทำความเข้าใจและเจรจาโดยพบว่าชาวบ้านต่างสนับสนุนเจ้าอาวาสให้ทำหน้าที่ต่อไป เนื่องจากเจ้าอาวาสได้ไปรวบรวมพื้นที่ดินของวัดที่ถูกเข้าครอบครองทำประโยชน์และเตรียมนำที่ดินเข้ามาทำโครงการหมู่บ้านศีล 5 โดยให้ผู้ยากไร้เข้าอาศัยเนื้อที่กว่า 7 ไร่ เป็นสาเหตุหนึ่งที่วัดเชิงแตระ ถูกระบุถึงปัญหาเรื่องที่ดินเป็น 1 ใน6วัดก่อนหน้านี้ที่ทหารต้องเข้าร่วมในการแก้ไขปัญหา

พันเอก ณัฐวุฒิ ระบุว่า เบื้องต้นนั้นได้สรุปข้อมูลทำความเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของวัด จากนั้นจะเข้าไปหารือกับเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากชาวบ้านต้องการคืนตำแหน่งให้เจ้าอาวาส โดยเห็นว่าเจ้าอาวาสดำเนินการโครงการต่างๆอย่างถูกต้องไม่ได้เป็นประโยชน์ให้กับนายทุน ซึ่งชาวบ้านเห็นด้วยและเห็นว่าการปลดเจ้าอาวาสออกจากตำแหน่งนั้นรวดเร็วเกินไปก่อนที่จะมีการพิสูจน์

นายสุวิทย์ เคหะแก้วส.อบต.หมู่ที่4 ตำบลท้ายสำเภา ระบุว่าปัญหาที่แท้จริงนั้นเกิดจากชาวบ้านเพียง 4-5 คนเท่านั้นที่สร้างปัญหา เนื่องจากเข้าไปบุกรุกครอบครองพื้นที่วัดปลูกผลอาสิน เจ้าอาวาสได้นำพื้นที่ของวัดคืนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์กับวัดและชุมชน การปลดจากเจ้าอาวาสไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ชาวบ้านจึงเห็นว่าไม่มีความเป็นธรรมจึงมารวมกันเคลื่อนไหว.