ตั้งรักษาการเจ้าอาวาสฯวัดวังตะวันตก พบบัญชีวัดสูญหายเกลี้ยง

ตั้งรักษาการเจ้าอาวาสฯวัดวังตะวันตก พบบัญชีวัดสูญหายเกลี้ยง

เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสเข้าดูแลวัดวังตะวันตก พบบัญชีวัดสูญหายทั้งหมด

(3มิ.ย.) บรรยากาศภายในวัดวังตะวันตก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช สถานที่ฆาตกรรมสามเณรแล้วฝังไว้หน้าหอไตรภายในวัดแห่งนี้ยังคงมีประชาชนและเจ้าหน้าที่เข้ามาดูหลุมฝังศพอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่หลุมฝังศพนั้นต้องใช้ปูนขาวเข้ามาโรยเพื่อดับกลิ่นที่ยังหลงเหลือ และในช่วงบ่ายที่ผ่านมานางกัลยา มินกระโทก มารดาของสามเณรปลื้ม หรือศุภโชค เอกเกียรติกุล ซึ่งได้แยกทางกับบิดาของสามเณรเมื่อหลายปีก่อนได้เดินทางมาจากชลบุรี มุ่งหน้ามาที่หลุมฝังศพและจุดธูป บอกล่าวตามความเชื่อต่อดวงวิญญาณสามเณรอย่างโศกเศร้า โดยระบุเพียงว่าได้ทราบข่าวที่ญาติ โทรไปแจ้งแล้วรีบเดินทางมาทันทีโดยรอที่จะเข้าไปร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลศพของสามเณรที่ภูมิลำเนา

ส่วนในการบริหารวัดของคณะสงฆ์นั้นพระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ฝ่ายมหานิกาย) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งพระครูพรหมเขตคณารักษ์(ชัยสิทธ์) อายุ 45ปี พรรษา24 เจ้าคณะอำเภอพระพรหม และเจ้าอาวาสวัดสระเรียง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ให้มีอำนาจเสมือนหนึ่งเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ตั้งแต่วันที่ 3มิ.ย.2560เป็นต้นไป

โดยการเข้าตรวจสอบเอกสารทางการเงินของวัดเบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องระบุว่าไม่พบบัญชีการเงิน หรือบัญชีเงินฝากของธนาคารหลงเหลืออยู่แม้แต่บัญชีเดียว โดยไม่มีใครรู้ว่าบัญชีนั้นหายไปไหนบ้าง และมียอดเงินคงเหลือมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นไปได้ว่าทุกบัญชีถูกยักย้ายถ่ายโอนเงินออกไปหมดแล้ว

พระครูพรหมเขตคณารักษ์ ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกระบุว่าได้เร่งทำหนังสือประสานไปยังธนาคารต่างๆเพื่อสอบถามสถานะทางบัญชีของวัด ส่วนการจัดการภายในวัดนั้นจะร่วมกับพุทธศาสนิกชนรอบวัดจัดการทำความสะอาดวัดครั้งใหญ่ และมาร่วมกันทำนุบำรุงวัดโดยเริ่มจากภายในเพื่อจัดการสะสางปัญหาต่างๆไปทีละเรื่อง

และในช่วงบ่ายของวันเดียวกันพนักงานสอบสวนกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้เข้าตรวจสอบเอกสารและเข้าสอบปากคำพระครูพรหมเขตคณารักษ์  ในฐานะรักษาการเข้าอาวาสรูปใหม่เกี่ยวกับประเด็นในการตรวจสอบเอกสารของวัด

ส่วนพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก และเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ถูกนิมนต์จากศิษย์ไปพำนักอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอลานสกาจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

ส่วนการดำเนินคดีนั้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามรายคือนายเด่นชัย หรือ อดีตพระเด่น ภูมินิยม, น.ส.ปิยฉัต รหรือบิว อรุณสกุล, นายสุริยา กุศลสุข เข้าทำการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อทำการฝากขังโดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้คัดค้านการประกันตัว

เช่นเดียวกับนายชวน เอกเกียรติกุล บิดาของสามเณรได้ร่วมคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาด้วย โดยเกรงว่าผู้ต้องหาจะออกมายุ่งกับพยานหลักฐานซึ่งศาลอยู่ในระหว่างการพิจารณา นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังเร่งสืบสวนขยายผลหาตัวคนร้ายที่เหลืออีกจำนวนหนึ่งซึ่งได้ร่วมรุมซ้อมสามเณร ร่วมปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพพบว่าบางรายนั้นได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว