เลี้ยงปู่ตาสืบสานประเพณีโบราณ กว่า 200 ปีที่นครพนม

โดยพิธีเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า ชาวบ้าน ต.คำเตย ทั้ง18หมู่ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของชนเผ่ากะเลิง ด้วยเสื้อผ้าย้อมครามทอมือเย็บด้วยมือจะนำอาหารคาวหวาน พร้อมเครื่องบูชาประกอบด้วย นุ่นขาว เทียน5คู่ เหล้าขาว และข้าวเหนียวนึ่ง ไก่-ไข่ต้ม น้ำพริก(แจ่ว) น้ำดื่ม มุ่งตรงไปยังศาลดอนปู่ตาที่ตั้งอยู่ในป่าเบญจพรรณจำนวน33ไร่ เพื่อนำไปถวายแก่ปู่คำเหลืองใน ตำนานเล่าว่าท่านเป็นเจ้าเมืองเชียงของ (ประเทศลาวในปัจจุบัน) ปี1400จะมีการก่อสร้างองค์พระธาตุพนม ปู่คำเหลืองพร้อมทหารองครักษ์ คือ ท้าวคำแดง ท้าวลมลัด ท้าวลมออน และท้าวใบ้(เป็นคนบังบด) คือเป็นที่มองไม่เห็น ได้นำเอาขันทองของมีค่าบรรทุกเรือจะนำไปถวายพระธาตุพนม แต่ระหว่างทางได้ยินเสียงฆ้อง ปิดประตูพระธาตุพนมเสียก่อน จึงเอาทองคำของมีค่าที่จะถวาย ไปฝังดินไว้ที่ดอนปู่ตา แล้วเดินทางกลับเมืองเชียงของ ภายหลังปู่คำเหลืองพร้อมทหารองครักษ์กลับมาเฝ้าปกปักรักษาอยู่ที่ดอนปู่ตา จึงเป็นสถานที่ศักดิ์เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านคำเตยและตำบลใกล้เคียงสืบมาจนถึงปัจจุบัน

ระหว่างนั้นมีร่างทรงของปู่คำแดง ทหารเอกของปู่คำเหลือง เล่ากันว่ามีอิทธิฤทธิ์สูง อยู่ยงคงกระพัน แต่มีนิสัยดุร้าย ประทับร่างเด็กหนุ่มในหมู่บ้าน วิ่งเข้ามาโวยวายแล้วยกจอกเหล้าดื่มราวกับน้ำ ลูกหลานต่างก้มกราบของพร พร้อมร่ายรำ ในท่ารำ โบราณ ขณะเดียวกันก็เกิดมีประทับร่างทรงเป็นปู่ลมลัด ปู่ลมออน สองพี่น้อง และท้าวใบ้ในคราวเดียวกัน ความโกลาหลก็เกิดขึ้น ลูกหลานก้มกราบด้วยความศรัทธา ขณะที่ร่างทรงต่างๆร่ายรำ พร้อมสูบบุหรี่ และดื่มเหล้า มีร่างทรงอ้างว่าเป็นปู่คำเหลืองซึ่งไปประทับร่างของหญิงสาวในหมู่บ้าน ที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่

ภายหลังทราบว่าปู่คำเหลืองนิยมเข้าทรงร่างผู้หญิงคนนี้ แม้ลุกหลานจะพยายามไม่ให้หญิงสาวมาร่วมงาน แต่ปู่คำเหลืองยังตามไปเข้าร่างถึงบ้าน แล้วเดินมาในบริเวณงาน จากนั้นก็ดื่มน้ำ ดื่มเหล้า ให้ศีลให้พร ผู้มากราบไหว้ สมควรแก่เวลาร่างทรงทั้งหมดก็ออกจากร่าง โดยบุคคลทั้งหมดต่างไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นอะไร ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานต่างทึ่ง ในประเพณีดังกล่าว ซึ่งในงานประเพณีเลี้ยงปู่ตานี้ ได้รับการส่งเสริมจากวัฒนธรรมจังหวัดนับว่าเป็นประเพณีที่มีมาช้านาน และอัศจรรย์เหลือเชื่อต่อผู้พบเห็นยิ่งนัก