วิทยา สำเร็จ​​ ภารกิจคืนชีพเทนนิสไทย

 นับแต่หมดยุคของ ภราดร ศรีชาพันธุ์ และ ดนัย อุดมโชค สองนักหวดไทยที่ว่ากันว่าดีที่สุดที่เราเคยมี

เพราะในช่วงระหว่างปี 2545-2549 อาจกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าทีมเทนนิสชายไทย เคยก้าวไปถึงระดับโลกอย่างเต็มตัว ในศึกเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมชาย “เดวิส คัพ” ด้วยการผ่านเข้าถึงรอบเพลย์ออฟ เวิลด์กรุ๊ป ถึง 4 ครั้งในรอบ 5 ปี ผิดกับในปัจจุบัน ที่สถานะของทีมนักหวดไทยต้องตกลงมาอยู่ในกลุ่ม 2 ของโซนเอเชีย/โอเชียเนีย 

และถือเป็นภารกิจอันหนักอึ้ง ทั้งสำหรับ กิตตน์สมบัติ เอื้อมมงคล นายกสมาคมกีฬาเทนนิส ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย และแม่ทัพคนล่าสุดของทีมเดวิส คัพไทย วิทยา สำเร็จ ในการปลุกปั้นนักกีฬาสายเลือดใหม่ให้เดินตามรอยความยิ่งใหญ่ที่นักกีฬารุ่นพี่เคยสร้างไว้

ยุคทองของไทย

ในยุคทองที่มีทั้ง ภราดร และ ดนัย อยู่นั้น ทีมเดวิส คัพของไทย ถือเป็นทีมระดับแถวหน้าของเอเชีย เคียงบ่าเคียงไหล่กับ อินเดีย และมีโอกาสลุ้นเข้าสู่รอบ เวิลด์ กรุ๊ป ถึงสี่ครั้งด้วยกัน

ในพ.ศ. 2545 ไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสองตัวแทนจากเอเชียที่ผ่านเข้าถึงรอบ เวิลด์กรุ๊ป เพลย์ออฟ ต้องลงสนามพบกับ สหราชอาณาจักร ที่นำโดย ทิม เฮนแมน ก่อนแพ้ไปอย่างน่าประทับใจ 2-3 แมตช์

น่าเสียดายที่หลังจากนั้น แม้ ไทย จะได้ผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟอีกถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่อาจต้านทานคู่แข่งในระดับโลกได้เลย ทั้ง สาธารณรัฐเช็ก ที่นำโดย โทมัส เบอร์ดิช และ ยิรี โนวัค(2546) รัสเซีย ที่มี มารัต ซาฟิน, มิคาอิล ยูซีนี และ นิโคไล ดาวิเดนโก (2547) และ เยอรมนี ของ ทอมมี ฮาส และ ฟลอเรียน เมเยอร์ (2549)

นับแต่นั้นมา ผลงานองทีมเดวิส คัพไทยก็ค่อยๆแผ่วลง จนลงมาอยู่ในกรุ๊ป 2 โซนเอเชีย/โอเชียเนียในปัจจุบัน ส่วนในปีล่าสุดสามารถผ่านเข้าชิงชนะเลิศกลุ่ม 2 ได้แม้สุดท้ายจะพ่ายต่อ ไต้หวัน ไปอย่างน่าเสียดาย 2-3 แมตช์ พลาดโอกาสเลื่อนชั้น แต่ก็ยังพอแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคต

แม่ทัพคนใหม่

ภายหลังเคลียร์ปัญหาภายในของสมาคมฯได้สำเร็จ นายกิตตน์สมบัติ ก็ทำการปรับเปลี่ยนบุคลากรหลายตำแหน่ง หนึ่งในนั้นคือการดึง “โค้ชวิท” วิทยา สำเร็จ อดีตทีมชาติเจ้าของ 5 เหรียญทองซีเกมส์ มารับตำแหน่งกัปตันทีมคนใหม่ 

พร้อมเปิดตัวสมาชิกชุดล่าสุดที่ผสมผสาน ทั้งดาวรุ่งและตัวเก๋าเข้าด้วยกัน นำโดย วิชยา ตรงเจริญชัยกุล มือ 771 ของโลก ดาวรุ่ง วัย21ปี ที่ผ่านรายการระดับเอทีพี ทัวร์ มาแล้วหลายรายการ ในฐานะมือ 1 ร่วมด้วยสมาชิกใหม่อย่าง จิรัฏฐ์ นวสิริสมบูรณ์ มือ 997 ของโลก ดีกรีแชมป์เยาวชนประเทศไทย ส่วน กิตติพงษ์ วชิรมโนวงศ์ มือ 1,171 ของโลก เป็นสำรอง ส่วนประเภทคู่ยังใช้งาน สนฉัตร และ สรรค์ชัย รติวัฒน์ เช่นเดิม

“ผมเชื่อว่าการผสมผสานกันระหว่างดาวรุ่งและมือเก๋าของไทย จะทำผลงานออกมาได้ดีตามที่หลายๆคนคาดหวังอย่างแน่นอน” กัปตันทีมเดวิส คัพ กล่าว

คู่ปรับ

ในรอบแรกที่จะลงสนามระหว่าง 3-5 ก.พ. ไทย ในฐานะ seed 2 ถูกจัดอยู่ในสายล่าง พบ คูเวต โดยหากผ่านไปได้ จะพบผู้ชนะระหว่าง ฟิลิปปินส์ ทีม seed 3 หรือ อินโดนีเซีย ในรอบ 2 ช่วงต้นเดือนเม.ย. ขณะที่ในสายบนนั้น รอบแรกประกอบด้วยคู่ของ ปากีสถาน ทีม seed 1 กับ อิหร่าน และ เวียดนาม ทีม seed 4 พบ ฮ่องกง 

จากสถิติในการพบกัน ไทยเป็นฝ่ายชนะได้ทั้ง 4 ครั้ง โดยหนสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2014 ที่สนามศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี กระนั้น กัปตันทีมเดวิสคัพ ก็ยืนกรานไม่ประมาทเด็ดขาด เพราะครั้งนี้ต้องเป็นฝ่ายไปเยือนที่คูเวต เทนนิส เฟดเดอเรชันส์ เซนเตอร์ 

“คูเวต มีผู้เล่นที่มีประสบการณ์ ที่มีอายุมากกว่า 30 อยู่ 2 คน คือ โมฮัมหมัด กาห์ริบ และ อาเหม็ด อัล โซไลเทน ที่เราต้องระวังเอาไว้ อีกทั้งต้องบุกไปเยือนจึงห้ามประมาทเด็ดขาด ขณะที่ จิรัฏฐ์ เป็นน้องใหม่ที่ติดทีมเป็นครั้งแรก ยังไม่เคยลงเล่นแบบ 3 ใน 5 เซต อาจเสียเปรียบคู่แข่ง เราจึงต้องเร่งฝึกสภาพร่างกายให้พร้อม ส่วนรายอื่นๆ ทั้ง วิชยา, สนฉัตร และ สรรค์ชัย ก็เข้าตารางการซ้อมปกติตก 6-8 ช.ม. ต่อวัน”

นอกจากนี้ “โค้ชวิท” ยังยอมรับว่าคาดหวังถึงการเลื่อนชั้นสู่กลุ่ม 1 ให้ได้ หากนักกีฬาทุกคนอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมตลอดจนถึงนัดชิงชนะเลิศ “ถ้าทุกคนไม่มีอาการบาดเจ็บ น่าจะทำผลงานได้ดีจนเลื่อนสู่กลุ่ม 1ได้ แต่ก็อยากให้ดูไปแมตช์ต่อแมตช์มากกว่า”

สู่อนาคต

ส่วนการกลับไปถึงมาตรฐานที่ ภราดร และ ดนัย เคยสร้างไว้ “โค้ชวิท” มองว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่ได้ลงแข่งเพื่อหาประสบการณ์ให้มากขึ้น

“ผมมองว่าปัจจุบันนักกีฬาไทยมีศักยภาพมากพอจะทำผลงานในระดับนานาชาติได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยในการฝึกฝนเทคนิคต่างๆ รวมถึงเรื่องเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย อีกองค์ประกอบสำคัญคือผมอยากให้มีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของสปอนเซอร์เพื่อให้นักกีฬาได้มีการเข้าแคมป์เก็บตัว และได้ลงแข่งขันระดับเอทีพีทัวร์มากขึ้น ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยไปสู่ความสำเร็จของทีม”