'ดอกศิลาวารี' ในลำน้ำเข็ก แก่งสฤษดิ์เริ่มออกดอกสวยงาม

'ดอกศิลาวารี' ในลำน้ำเข็ก แก่งสฤษดิ์เริ่มออกดอกสวยงาม

ดอกศิลาวารี หรือดอกไม้น้ำ ขนาดเล็ก เริ่มออกดอกตูมสวยงาม บนโขดหินกลางลำน้ำเข็ก บริเวณแก่งสฤษดิ์ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก

วันที่9 ธ.ค.2559ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลำน้ำเข็ก บ้านแก่ง หมู่ที่7ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังจากระดับน้ำในลำน้ำเข็กลดลง ทำให้ในช่วงนี้ตามโขดหิน พบเห็นดอกศิลาวารี หรือดอกไม้น้ำ ซึ่งเป็นดอกไม้น้ำที่หายาก นับเป็นแห่งที่2ของจังหวัดพิษณุโลก ที่พบดอกศิลาวารี ขึ้นบนโหดหินกลางลำน้ำ หลังจากที่มีการค้นพบแห่งแรก ที่แก่งคันนา และแก่งป่ากะซาว คลองชมภู หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลวงหลวง ที่5 (สล.5)อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ต.ชมพู อ.เนินมะปราง

ลักษณะของดอกศิลาวารี ที่พบเห็นในลำน้ำเข็ก บริเวณแก่งสฤษดิ์แห่งนี้ มีลักษณะ เป็นดอกตูมเล็กๆขนาดประมาณ0.5-1เซนติเมตร เริ่มตูมเป็นสีเขียวสวย และสีน้ำตาลแดงสวยงาม บางจุดอยู่ใต้พื้นน้ำ ก็จะเป็นลักษณะแผงมีดอกตูมมองเห็นสวยงามเช่นกัน ขณะที่บนโขดหินที่มองเห็นเป็นบริเวณกว้าวงนั้นยังพบดอกศิลาวารี ได้มีดอกสีน้ำตาลและใกล้แห้งเหี่ยวหลายจุด เนื่องจากลำธารน้ำได้แห้งขอด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโดยดอกศิลาวารี ที่พบบ้านแก่ง ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก แห่งนี้มีหลายชนิด บางชนิดก็คาดว่าเป็นพันธุ์เดียวกับดอกศิลาวารีย์ที่แก่งคันนา และแก่งป่ากะซาว คลองชมภู หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลวงหลวง ที่5 (สล.5)คือสายพันธุ์podostemaceae (เพอดอสเทอมาซี่) ที่มักจะพบเห็นตามแหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ต้องได้รับการยืนยันจากนักวิชาการอีกครั้ง ว่าเป็นพันธุ์เดียวกันหรือไม่ นอกจากนี้ยังพบว่ามีดอกไม้หินที่แปลกแตกต่างจากดอกศิลาวารีทั่วไปคือ เป็นสีน้ำน้ำตาลดำติดกับก้อนหิน สวยงามอีกด้วย

นักท่องเที่ยวประชาชนทั่วไปต้องการไปเที่ยวชมดอกศิลาวารี ที่บริเวณแก่งสฤษดิ์ ต.วังนกแอ่น แห่งนี้ก็สามารถขับรถไปตามเส้นทางวังทอง-หล่มสัก ถึงป้อมแก่งจูงนาง เลี้ยวขวา ไปถึงโรงเรียนบ้านแก่งสฤษดิ์เสนาอุปถัมป์ ให้เลี้ยวเข้าไปเส้นทางข้างโรงเรียนประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงลำน้ำเข็ก ก็สามารถจอดรถไปเที่ยวชมกันได้แล้ว บริเวณแก่งสฤษดิ์ จะอยู่เหนือน้ำตกวังนกแอ่น หรือ น้ำนกสกุโณฑยานประมาณ 3 กิโลเมตร โดยคาดว่า ดอกศิลาวารี ที่บ้านแก่งสฤษดิ์นี้ จะยังรอให้นักท่องเที่ยวไปชมอีกประมาณ 2-4 สัปดาห์เท่านั้น และจะแห้งเหี่ยวโรยไปตามกาลเวลา