แอร์เบ ไลป์ซิก แกะดำแห่งบุนเดสลีกา

แอร์เบ ไลป์ซิก แกะดำแห่งบุนเดสลีกา

เพียงแค่ฤดูกาลแรก บนเวทีบุนเดสลีกา แอร์เบ ไลป์ซิก ก็บินสูงเกินคาด

ในลีกสูงสุดของเยอรมนี 

หลังผ่านหนึ่งในสามของฤดูกาล ไลป์ซิก มี 30 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงของตาราง จนคอลูกหนังทั่วโลกต้องหันมามองด้วยความทึ่ง แต่การมาถึงจุดนี้ด้วยวิธีการที่ฉีกทุกขนบของชาวเยอรมนี ก็ส่งผลให้น้องใหม่ทีมนี้ ไม่เป็นที่ต้อนรับของวงการฟุตบอลในประเทศอย่างที่ควรจะเป็น

อาณาจักรกีฬาของ เรด บูลล์

จากการค้นพบระหว่างเดินทางมาไทยว่าเครื่องดื่มให้กำลังงาน ช่วยบรรเทาอาการเจ็ทแล็กได้ ดีทริช เมเทสซิทซ์ ก็ผลักดันให้ “เรด บูลล์” กลายเป็นเครื่องดื่มที่ผู้คนรู้จักไปทั่วโลก ด้วยการสร้าง Brand Awareness ในกีฬาเอ็กซ์ตรีม และมอเตอร์สปอร์ต โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักไปที่ไลฟ์สไตล์โลดโผน ตื่นเต้น 

จากบทบาทผู้สนับสนุน เรด บูลล์ ขยายฐานไปสู่วงกว้าง ด้วยการสร้างทีมกีฬาของตนเอง หนึ่งในนั้น คือทีมที่หลายคนรู้จักกันดี เรด บูลล์ เรซซิง

จุดกำเนิดของ เรด บูลล์ เรซซิง คือการเข้าซื้อกิจการ จากัวร์ เรซซิง จาก ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปานี ในเดือนพ.ย. ปี 2004 เช่นเดียวกับการก่อตั้งโปรแกรม “เรด บูลล์ จูเนียร์ ทีม” เพื่อเฟ้นหานักขับดาวรุ่งฝีมือดีและสนับสนุนเข้าสู่ทีมในอนาคต

6 ปีให้หลัง โมเดลการสร้างทีมของ เรดบูลล์ ไปถึงจุดสูงสุด ด้วยตำแหน่งแชมป์โลกประเภทนักขับ และประเภททีม 4 ปีซ้อน (2010-2013) ในยุคที่มี เซบาสเตียน เวทเทล เป็นนักขับเบอร์หนึ่ง 

จาก เรด บูลล์ เรซซิง เครื่องดื่มให้กำลังงานสัญชาติออสเตรีย ยังมีทีมกีฬาในมืออีกมากมาย อาทิ สคูเดเรีย โตโร รอสโซ ที่เปรียบเสมือน “ทีมน้อง” ของ เรด บูลล์ เรซซิง หรือกระทั่งทีมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง หรือเรือใบต่างก็มีชื่อและโลโก้อันคุ้นเคยปรากฎ 

ลูกหนังพันธุ์กระทิง

ในวงการฟุตบอล เรด บูลล์ ก็เข้าซื้อกิจการสโมสรทุกมุมโลก ไม่ว่าจะ บราซิล หรือ กานา รวมถึงในลีกที่คุ้นเคยกันดี อย่าง นิวยอร์ก เรด บูลล์ส ในสหรัฐ และ เรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในออสเตรีย ก่อนตบเท้าเข้าสู่แผ่นดินของแชมป์โลก เยอรมนี ในปี 2009

แอร์เบ ไลป์ซิก ถือกำเนิดด้วยโมเดลธุรกิจแบบเดิม คือการซื้อใบอนุญาตจาก เอสเอสเฟา มาร์ครันสเตดท์ ในระดับลีกา 5 

แต่เมื่อไม่สามารถใช้ชื่อ “เรด บูลล์” เหมือนที่ผ่านมาได้ เนื่องจากกฎของสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี (เดเอฟเบ) ระบุไว้ว่าห้ามใช้ชื่อตามสปอนเซอร์ (ยกเว้นกรณีของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน) ทางออกคือการเลี่ยงไปใช้ชื่อ ราเซนบอลล์สปอร์ต ไลป์ซิก (RasenBallsport Leipzig) แทน โดยใช้ตัวย่อว่า “แอร์เบ” หรือ “อาร์บี” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเจตนาสื่อถึงแบรนด์ “เรด บูลล์” 

ในปี 2011 เมเทสซิทซ์ ประกาศเป้าหมายนำ แอร์เบ ไลป์ซิก เลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกา ด้วยงบลงทุน 100 ล้านยูโร (ราว 3,800 ล้านบาท) และ ไลป์ซิก ก็ไต่เพดานบินอย่างรวดเร็วจากวันที่ก่อตั้งในปี 2009 สู่บุนเดสลีกาในเวลาเพียง 7 ปี ภายใต้การนำทัพของ ราล์ฟ รังนิก  เป็นทีมแรกจากฝั่งตะวันออกที่ได้เล่นในลีกสูงสุด นับแต่ เอเนอร์กี้ ค็อตบุส ตกชั้นไปในฤดูกาล 2008-9

แกะดำ 

เมเทสซิทซ์ ไม่เพียงอาศัยช่องว่างของกฎตั้งชื่อสโมสร ยังรวมไปถึงสิทธิ์ขาดในการดำเนินกิจการตามกฎ “50+1” ที่ลีกเยอรมนีระบุให้แฟนบอลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ด้วยการตั้งค่าสมัครสโมสรสมาชิกสูงจนแฟนบอลทั่วไปไม่อาจซื้อได้ ขณะที่ผู้ถือหุ้นสโมสรที่มีสิทธิ์ออกเสียง ก็ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับ เรด บูลล์ และ เมเทสซิสซ์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

การกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จของ เรด บูลล์ อาจขัดกับหลักการของวงการฟุตบอลเยอรมนี แต่ให้ผลดีเกินคาด สำหรับ แอร์เบ ไลป์ซิก

โมเดลธุรกิจฟุตบอลของ ไลป์ซิก เน้นไปที่สาธารณูปโภคเป็นหลัก เช่นการสร้างอะคาเดมี มูลค่า 35 ล้านยูโร โดยมี ฟรีเดอร์ ชโรฟ ซึ่งเคยทำงานให้ เฟาเอฟเบ สตุ๊ทการ์ท เป็นผู้ดูแลทีมเยาวชน

ขณะที่การเซ็นสัญญา จะเน้นไปที่ผู้เล่นอายุน้อย ค่าตัวไม่สูงเป็นหลัก จนค่าเฉลี่ยอายุผู้เล่นของทีมชุดปัจจุบันอยู่ที่ 23 ปี หรือการดึงผู้เล่นจากในทีมเครือ เช่น นาบี เกตา กองกลางชาวกินี ที่ย้ายมาในช่วงปิดฤดูกาล มาจาก เรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก 

การใช้ผู้เล่นอายุน้อย ยังเหมาะกับสไตล์การเพรสซิ่งและเกมเร็วของ รังนิก (ลักษณะเดียวกับที่ เยอร์เกน คล็อปป์ ใช้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ลิเวอร์พูล) ซึ่งปัจจุบันขยับไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสร เปิดทางให้ ราล์ฟ ฮาเซนฮุตเทิล อดีตเฮดโค้ช เอฟเซ อิงโกลสตัดท์ 04 มารับช่วงต่อ

ไม่ว่าจะได้มาด้วยวิธีใด ผู้คนในท้องถิ่นย่อมยินดีอ้าแขนต้อนรับ เพราะนับจากอดีต ไลป์ซิก คือหนึ่งในเมืองใหญ่ของเยอรมนี แต่กลับร้างราเรื่องความสำเร็จในวงการฟุตบอลมาช้านาน

แต่ในอีกมุม การทำธุรกิจฟุตบอลแบบคาบลูกคาบดอกของ เมเทสซิทซ์ ก็นำมาซึ่งแรงต้านจากแฟนบอลในส่วนอื่นๆ ของประเทศอย่างไม่อาจเลี่ยง และคงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ตราบใดที่แกะดำตัวนี้ยังบินสูงท้าทายกฎเกณฑ์แบบนี้