หนุ่มใหญ่ซิ่งเก๋งชนต้นไม้ ผงะตรวจรถพบยาเสพติด-ปืน อื้อ

พ.ต.ต.พิษณุ ทาหาญ พนักงานสอบสวนเวร สภ.ทุ่งคาโงก จ.พังงา ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งสีขาว โตโยต้า ยาริส ทะเบียน ฎป 883 กรุงเทพมหานคร ชนต้นไม้ริมถนนหน้าสถานีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจังหวัดพังงา ม.2 ต.นบปริง อ.เมือง จ.พังงา คนขับได้รับบาดเจ็บ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพังงาแล้ว โดยตรวจสอบภายในรถพบยาเสพติดและอาวุธปืนด้วย จึงนำกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบรถยนต์คันดังกล่าวในสภาพพังเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบภายในรถโดยละเอียดพบยาบ้าจำนวน 1,365 เม็ด ยาไอซ์ บรรจุในถุงพลาสติกใส 1 ถุง น้ำหนักรวมถุง 11.27 กรัม อาวุธปืนพกสั้นชนิดลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 มม.(ไม่พบหมายเลขทะเบียน)จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาด .38 มม.จำนวน 6 นัด บรรจุอยู่ในลูกโม่ จึงตรวจยึดเป็นของกลาง 

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังโรงพยาบาลพังงา และควบคุมตัวนายอดิสร ภาวศุทธินนท์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ม.5 ต.นาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ผู้ประสบอุบัติเหตุไว้ ขณะเข้ารับการรักษาตัว พร้อมกับตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจากผู้ต้องหาจำนวน 2 เครื่อง เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพังงา มาเก็บลายนิ้วมือและเก็บดีเอ็นเอของผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฎิเสธว่า ของทั้งหมดไม่ใช่ของตนเอง เจ้าหน้าที่จึงได้ลงทำบันทึกการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า กระทำความผิดฐาน“มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครอบเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร” 

อย่างไรก็ตามทางผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ประสงค์ลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุม เนื่องจากผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บอยู่ระหว่างแพทย์ทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพังงา ไม่สามารถนำตัวส่งพนักงานสอบสวนได้ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าควบคุมตัวไว้ตลอด จากนั้นนำบันทึกการจับกุมพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหา ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาลพังงา ปรากฎว่าไม่ให้การแต่อย่างใด สันนิษฐานว่าผู้ต้องหาน่าจะดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรืออาจจะเสพยาเสพติดมา แล้วขับรถมาเกิดอุบัติเหตุ พนักงานสอบสวนจึงได้มีหนังสือให้แพทย์ทำการตรวจหาสารเสพติดและปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ต้องหา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป